ดาวโจนส์ปิดตลาดบวก 133 จุด รับเฟดจ่อลดสปีดการขึ้นดอกเบี้ย



.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม หลังรายงานการประชุมชี้เฟดเริ่มผ่อนคันเร่งเข้มนโยบายการเงิน

. กรรมการเฟดทุกคนเห็นตรงกันว่า เฟดควรจปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อสู้เงินเฟ้อ แต่ในอัตราที่ชะลอลง

.ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือนธ.ค.ปรับตัวลงต่อเนื่อง และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

ด หรือ +0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,852.97 จุด เพิ่มขึ้น 28.83 จุด หรือ + 0.75% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,458.76 จุด เพิ่มขึ้น 71.78 จุด หรือ + 0.69%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มดีขึ้น นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุม ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. 2565 ระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ และคาดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอว่าเงินเฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ดี กรรมการทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าเฟดควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเมื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่จะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

มีแนงซื้อเข้ามาในหุ้นทุกกลุ่ท นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 2.28% และหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 1.74%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อ่อนแรงลงในช่วงสั้น ๆ หลังเฟดเปิดเผยรายงานประชุม ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาปิดบวก 0.26% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 1.9%

นักลงทุนยังคงจับตาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดแรงงาน โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.4 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.5 จากระดับ 49.0 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 2 เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในตลาด

ขณะที่สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 54,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.458 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.0 ล้านตำแหน่ง โดยตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด