

- มีแรงเทขายหุ้นลดความเสี่ยง นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน
- ตลาดกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการรัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรเศรษฐกิจการเงิน
- เศรษฐกิจสหรัฐยังไปได้ ตัวเลขคนว่างงานใหม่ลดลงต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 3 มี.ค.ที่ 33,794.66 จุด ลดลง 96.69 จุด หรือ -0.29%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,363.49 จุด ลดลง 23.05 จุด หรือ -0.53% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,537.94 จุด ลดลง 214.08 จุด หรือ -1.56%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน โดยช่วงแรกตลาดปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน ซึ่งมองว่าราคาหุ้นต่ำลงมากในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตึงเครียด และสงครมระหว่างยูเครน และรัสเซียที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกได้ ส่งผลให้ตลาดไม่สามารถยืนในแดนบวกและปิดติดลบ
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird ในรัฐเคนตักกีกล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังคงผันผวนต่อไปในระยะใกล้จนถึงระยะกลาง โดยขณะนี้การสู้รบระหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครนได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว และมีรายงานว่าทหารรัสเซียและพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตหลายร้อยคน ในขณะที่รัสเซียเองก็ถูกนานาประเทศโดดเดี่ยวมากขึ้น
นอกจากนั้น นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังได้แสดงความกังวลว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนอาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น และกดดันการใช้จ่ายและการลงทุน
“สิ่งที่เรารู้ในขณะนี้คือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาพลังงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐในรูปของเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ ความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงก็ได้ลดลง ซึ่งได้กระทบต่อการลงทุน ขณะที่ประชาชนชะลอการใช้จ่าย” นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้
มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้า นำโดยหุ้นเทสลา ดิ่งลง 4.61% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.73% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 2.47% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.42% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.15%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส บวก 0.5% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ปรับตัวขึ้น 0.67% หุ้นไฟเซอร์ ดีดตัวขึ้น 0.27% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) พุ่งขึ้น 1.76% ขณะที่หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2.89% หุ้นพีพีแอล คอร์ปอเรชัน ดีดขึ้น 1.13%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่ง