ดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 270 จุด นักลงทุนคาดการณ์เศรษฐกิจฟื้น



เมื่อเวลา 22.00น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,357.91 จุด เพิ่มขึ้น 273.76 จุด หรือ +0.80% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,540.39 จุด เพิ่มขึ้น 4.65 จุด หรือ +0.03%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,177.78 จุด เพิ่มขึ้น 18.66 จุด +0.45%

นักลงทุนยังคงกลับมาซื้อหุ้น หลังจากคลายกังวลการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มเรือสำราญ ดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากที่คริปโตเคอเรนซี่ปรับตัวมีเสถียรภาพเป็นวันที่ 2 โดยราคาบิตคอยน์ที่กลับมาดีดตัวขึ้น ปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองลดลงในเดือนเม.ย. สวนทางคาดการณ์ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยลดลง 2.7% สู่ระดับ 5.85 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.09 ล้านยูนิต

ยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง, สต็อกบ้านในระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านพุ่งขึ้น 33.9% ในเดือนเม.ย. ขณะที่สต็อกบ้านในตลาดดิ่งลง 20% สู่ระดับ 1.16 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี

นักลงทุนคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้น หากทั่วโลกสามารถคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เร็วกว่าที่คาดไว้้ ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศทุ่มเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการระดมฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรโลกจำนวน 40% ภายในสิ้นปีนี้ และอีก 60% ภายในกลางปีหน้า

IMF ระบุว่า หากไม่มีการดำเนินการที่เร่งด่วน ประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากจะยังคงต้องรอวัคซีนต่อไปจนถึงสิ้นปีหน้า หรือหลังจากนั้น ก่อนที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 9 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจโลกภายในปี 2568 จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น โดยประเทศที่ร่ำรวยจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด