

- นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด
- กังวลตัวเลขว่างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้น หวั่นกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
- ตลาดจับตาสภาคองเกรส ไต่สวนกลุ่มบุคคลร่วมปั่นราคาหุ้น GameStop
เมื่อเวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,329.41 จุด ลดลง 283.61 จุด หรือ -0.90% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,714.35 จุด ลดลง 251.15 จุด หรือ -1.80%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,886.45 จุด ลดลง 44.88 จุด หรือ-1.14%
ตลาดหุ้นสหรัฐเข้าสู่โหมดปรับฐานหลังปรับเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ โดยราคาหุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก ดิ่งลงเทันที หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 4/2563 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่มีแรงเทขายหุ้นแอปเปิลและเทสลาออกมาในวันนี้เช่นกัน
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขว่างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 861,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 773,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สู่ระดับ 848,000 ราย จากเดิมรายงานที่ระดับ 793,000 ราย
ขณะเดียวกัน ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค. โดยพุ่งขึ้น 1.4% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนธ.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนม.ค.
นักลงทุนจับตาสภาคองเกรส ซึ่งจะเปิดฉากไต่สวนกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในปรากฎการณ์ GameStop ที่สร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะจัดการไต่สวนดังกล่าวในวันนี้เวลา 12.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 00.00 น.ตามเวลาไทย
โดยผู้ที่จะต้องเข้าให้การต่อทางคณะกรรมาธิการฯ ได้แก่ ผู้บริหารของ Robinhood บริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ ซึ่งให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม, ผู้บริหารของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ได้แก่ Citadel และ Melvin Capital และผู้จัดการเว็บบอร์ด Reddit ซึ่งมีการเปิดห้องแชท WallStreetBets สำหรับนักลงทุนรายย่อยจำนวนกว่า 7.6 ล้านราย