ดาวโจนส์ปรับขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับตัวเลขการจ้างานที่พุ่งขึ้น



.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น คลายกังวลการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ
.ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น นเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
.ตลาดจับตาการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐฯ

เมื่อเวลา 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,171.31 จุด เพิ่มขึ้น 107.06 จุด หรือ +0.31% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,811.33 จุด ลดลง 83.78 จุด หรือ -0.56% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,431.17 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.07 จุด

หุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มค้าปลีก อุตสาหกรรม และพลังงาน ดีดตัวขึ้น ขานรับตัวเลขจ้างงานที่สดใส ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่มีแรเทขายออกในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนก.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 703,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 240,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% หลังจากแตะระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

ทั้งนี้ นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณว่า “เฟดจะปรับลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 โดยมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 และเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้”