ดาวโจนส์บวกเล็กน้อยกว่า 40 จุด จับตาจีนเปิดประเทศ-ทิศทางดอกเบี้ยเฟด



.ตลาดหุ้นสหรัฐซื้อขายเบาบาง ในช่วงโค้งสุดท้ายเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่า-รับปีใหม่

.นักลงทุนจับตาการเปิดประเทศของจีนว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลกอย่างไร

. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง จับตาธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจดอกเบี้ยปีหน้า

เมื่อเวลาประมาณ 22.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,284.12 จุด เพิ่มขึ้น
42.56 จุด หรือ +0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,357.38 จุด เพิ่มขึ้น 4.16 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,829.70 จุด เพิ่มขึ้น 0.45 จุด หรือ +0.01%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวแคบทั้งในแดนลบ และบวก ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางลง หลังจากนักลงทุนบางส่วนได้เริ่มเข้าสู่ช่วงหยุดยาวในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาผลกระทบการเปิดประเทศของจีนต่อเศรษฐกิจโลก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ ถือเป็นข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยคาดหวังว่าการเปิดประเทศจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การเปิดประเทศของจีนก็ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในวงกว้างของโควิด-19 รวมทั้งจะส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น

“ถ้าการเปิดประเทศของจีนเป็นปัจจัยบวกสำหรับราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ เรื่องนี้ก็ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเงินเฟ้อของโลกเช่นกัน เนื่องจากอุปสงค์ของจีนจะกระตุ้นเงินเฟ้อผ่านทางราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น และธนาคารกลางทั่วโลกก็จะรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” นายไอเปค ออซคาร์เดสคายา นักวิเคราะห์อาวุโสของ Swissquote Bank กล่าว

ทั้งนี้ จีนได้ผ่อนคลายนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดนาน 3 ปี โดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า จีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 และจะผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด รวมทั้ง จีนจะกลับมาดำเนินการออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ.2566 ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีหน้า หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ