

- นักลงทุนซื้อกลับหุ้น หลังเชื่อมั่นการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19เพิ่มขึ้น
- ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ จ่อใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ย1%ในการปะชุมสัปดาห์หน้า
ตลาดหุ้นสหรัฐมีแรงซื้อกลับอย่างแข็งแกร่งในหุ้นแทบทุกกลุ่ม หลังสหรัฐปรับทิศทางการรับมือกับไวรัสโควิด-19 โดยดัชนีพุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ และเตรียมอัดฉีดเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลางสหรัฐราว 5 0,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดศุกร์ 13มี.ค.ที่ 23,185.62 จุด เพิ่มขึ้น 1,985.00 จุด หรือ +9.36%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,711.02 จุด เพิ่มขึ้น 230.38 จุด หรือ +9.29% ส่วนดัชนีแนสแด๋ก คอมโพซิส ปิดที่ 7,874.88 จุด เพิ่มขึ้น 673.07 จุด หรือ +9.35%
นักลงทุนมีความมั่นใจการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศในช่วงบ่ายวันศุกร์ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยประกาศปิดโรงเรียนทั่วประเทศ 1เดือน
รวมทั้ง จะใช้เงิน 50,000 ล้านเหรีญฯเพิ่มการตรวจสอบหาผู้ติดเชื้อ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาล และแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อในสหรัฐ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทะลุ2,131ราย ใน48รัฐ และมีผู้เสียชีวิต 48คน
ขณะเดียวกัน มีความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสด้วย โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรได้บรรลุข้อตกลงกับคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แล้วเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเตรียมที่จะอนุมัติเป็นกฎหมายในเร็วๆ นี้
นักลงทุนยังคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกมากถึง 1.00% ในการประชุมสัปดาห์หน้านี้ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้จะเพิ่งลดดอกเบี้ยไป 0.5%ก็ตาม
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค. แม้ว่าเฟดเพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.50% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยล่าสุด นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 74.6% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในวันที่ 18 มี.ค. จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% และมีแนวโน้ม 25.4% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 0.25-0.50%