ดาวโจนส์ติดลบกว่า 50 จุด กังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นช้า



.ตลาดหุ้นจับตาถ้อยแถลงรมว.คลังสหรัฐ-ประธานเฟดต่อรัฐสภา
.นักลงทุนกังวลร่างแถลงการณ์พาวเวลชี้ เศรษฐกิจยังฟื้นช้าๆ โดยจะเดินหน้าใช้กระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดต่อ หนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

เมื่อเวลา 22.10 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,680.31 จุด ลดลง 50.89 จุด หรือ -0.16% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,391.38 จุด เพิ่มขึ้นต่ออีก 13.84 จุด หรือ +0.10% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,942.72 จุด เพิ่มขึ้น 2.13 จุด หรือ +0.05%

นักลงทุนจับตา นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ โดยทั้งสองจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และความสำคัญของการใช้นโยบายทางการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลต่อร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวลที่สื่อเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก โดยได้แรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสและเฟดต่างก็ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่า “ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์” ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงต้องเดินหน้าใช้มาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็น”

“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น และมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวขึ้น และตลาดที่อยู่อาศัยก็ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมนั้น ยังคงมีความอ่อนแอ และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 6.2% ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอมากกว่าคาด การจ้างงานแรงงายังคงต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

ส่วนร่างแถลงการณ์ของนางเยลเลนที่เตรียมกล่าวในวันนี้ ระบุว่า นางเยลเลนจะแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเศรษฐกิจจะมีการขยายตัว และมีการจ้างงานเต็มศักยภาพในปีหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะกระจายเงินช่วยเหลือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่กลุ่มที่มีความต้องการมากที่สุด รวมทั้งธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งมีผู้ประกอบการเป็นสตรี และคนผิวสี รวมทั้งจะลดกฎระเบียบทางราชการ รวมทั้งข้อกำหนดทางด้านเอกสาร เพื่อให้ชาวอเมริกันที่เดือดร้อนสามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อรับความช่วยเหลือในด้านค่าเช่าบ้านและการจ่ายเงินกู้จำนอง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ หลังสื่อเผยร่างแถลงการณ์ที่นายพาวเวล ซึ่งได้แสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น สายการบิน และธุรกิจเรือสำราญ ต่างปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่หุ้นเทคโนโลยียังปรับตัวเพิ่มขึ้น

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 34.8% สู่ระดับ 6.472 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 เทียบเท่ากับสัดส่วน 3.1% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยสูงกว่าระดับ 2.2% ของปี 2562 และสูงที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมา หรือสูงสุดในรอบ 12 ปี

การพุ่งขึ้นของตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของการส่งออก ขณะที่ภาคธุรกิจปิดกิจการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การส่งออกดิ่งลงสู่ระดับ 3.23 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2563 ส่วนการนำเข้าลดลงสู่ระดับ 3.87 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.817 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 จากระดับ 5.769 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2562