

- ตลาดกังวลสัญญาณภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังผลตอบแทนลพันธบัตรสหรัฐระยะสั้นพุ่ง
- มีแรงขายหุ้นลดความเสี่ยง ขณะที่หุ้นพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันที่เริ่มปรับลดลง
- นักลงทุนติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4
เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,719.87 จุด ลดลง141.37 จุด หรือ -0.41% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,228.63 จุด เพิ่มขึ้น 59.33 จุด หรือ +0.42% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,545.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.03 จุด หรือ +0.04%
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวนในแดนลบ และแดนบวก โดบหุ้นพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ตามการทรุดตัวของราคาน้ำมัน โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI หลุดระดับ 105 ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 112 ดอลลาร์ หลังจีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
นักลงทุนกังวลทิศทางเศรษฐกิจ หลังตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น
ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในอีกเพียงไม่กี่ปีถัดมา อย่างไรก็ดี ในที่สุด ตลาดพันธบัตรมีการปรับตัว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีร่วงลงสู่ระดับ 2.534% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.556%
นักลงทุนยังคงเกาะติดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลกระทบของสงคราม ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และมาตรการที่โลกตะวันตกใช้คว่ำบาตรรัสเซีย
ตลาดจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2564 ของสหรัฐในวันพุธนี้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์