ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุด นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นราคาต่ำ



.นักลงทุนกลับมาชอปหุ้นราคาถูกหลังตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า

. ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มต้นคืนวันพุธนี้

.นักลงทุนคาดเฟดคงดอกเบี้ย แม้ประธานเฟดจะยังมองว่าเงินเฟ้อขณะนี้สูงเกินไป

เมื่อเวลาประมาณ 22.05น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,726.06 จุด เพิ่มขึ้น 308.47 จุด หรือ 0.95% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,146.20 จุด เพิ่มขึ้น 28.83 จุด หรือ 0.70% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่12,744.76 จุด เพิ่มขึ้น101.75 จุด หรือ 0.80%

นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเก็งกำไรเข้าตลาด หลังราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ ตลาดได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อทางเทคนิค หลังจากที่ตลาดเข้าสู่ภาวะมีแรงขายมากเกินไป (oversold) โดยได้ปรับตัวรับข่าวสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ดัชนีดิ่งลงกว่า 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563

ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 31 ต.ค.และ 1พ.ย.นี้ รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ในวันพฤหัสบดี และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายในปีนี้ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

“หนทางข้างหน้าอาจจะไม่ราบรื่น และต้องใช้เวลานาน ผมและเจ้าหน้าเฟดเห็นพ้องกันต่อพันธกรณีในการควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงอย่างยั่งยืนสู่ระดับ 2% ซึ่งการที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นที่เศรษฐกิจจะต้องมีการขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้ม และตลาดแรงงานจะต้องชะลอตัวลง” นายพาวเวลกล่าวในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York)

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 79.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 57.7% เมื่อเดือนที่แล้ว