ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 90 จุด นักลงทุนช้อนหุ้นปลอดภัย หลังราคาปรับลดลงแรงก่อนหน้า



.หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดีดขึ้น รับแรงซื้อกลับของนักลงทุน
.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ยังสูง กดดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
.ตลาดจับตาเงินเฟ้อพุ่ง-รัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว

ชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,390.72 จุด เพิ่มขึ้น 90.73 จุด หรือ +0.26% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,359.46 จุด เพิ่มขึ้น 6.83 จุด หรือ + 0.16% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,512.44 จุด ลดลง 34.24 จุด หรือ -0.24%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐได้หนุนจากแรงซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าผู้บริโภค โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น 1.3% โดยหุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น เพิ่มขึ้น 0.89% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.33 % หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 1.31% หุ้นพีพีแอล คอร์ปอเรชัน ดีดขึ้น 0.85% หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.87% หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 3.43% หุ้นเป๊ปซี่โค โค เพิ่มขึ้น 0.83% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล บวก 1.09%

นักวิเคราะห์จากบริษัท Wealthspire Advisors กล่าวว่า ตลาดยังคงถูกกดดันจาก 3 ปัจจัย ซึ่งได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE), ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ และความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้

นอกจากนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐแม้จะลดลงบ้าง แต่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยหุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 3.78% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 2% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.31% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.09% หุ้น Nvidia ลดลง 0.88% หุ้นอินเทล ปรับตัวลง 0.94%

หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.39% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยว่า โมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 1.11% ขานรับรายงานที่ว่า บริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคได้ยื่นข้อมูลการทดลองทางคลินิกขั้นต้นต่อหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ เพื่อขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.18% หลังมีรายงานว่าเครื่องบินรุ่น 737 MAX ของโบอิ้งผ่านการทดสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของจีน

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 8.1% สู่ระดับ 119.5 ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หรือสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.4%