

- คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.2% แสดงทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เริ่มมีความคืบหน้า
- นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นหนุนดัชนีปิดบวก นำโดยกลุ่มพลังงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 4ก.ค.ที่ 26,828.47 จุด เพิ่มขึ้น 164.07 จุด หรือ +0.62% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,306.51 จุด เพิ่มขึ้น 11.90 จุด หรือ +0.36% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,941.17 จุด เพิ่มขึ้น 38.37 จุด หรือ +0.35%
นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นอีกครั้ง หลังได้รับปัจจัยบวกจากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น5.0% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนั้น การเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่ล่าช้ากว่ากำหนด เริ่มมีความคืบหน้า โดยนายชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า”เรามีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง และใกล้จะบรรลุข้อตกลง โดยแม้ว่ายังมีหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ แต่เราพยายามที่จะผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ด้านปธน.ทรัมป์ เปิดเผยว่า คณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐ “มีการเจรจาที่ดีมาก” อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือว่า พรรคเดโมแครตต้องการรวมเงินช่วยเหลือเมืองและรัฐต่างๆ ในด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับโรคระบาดไว้ในมาตรการเยียวยานี้ ซึ่งปธน.ทรัมป์มองว่าไม่ยุติธรรม
หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดรับราคาน้ำมันที่ปรับดีขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.89% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.97% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้น 3.58% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.92% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.21%
ขณะที่หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.7% เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของแอปเปิลโดยบริษัทระบุว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2563 อยู่ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.04 ดอลลาร์ โดยล่าสุด แอปเปิล ขึ้นอันดับหนึ่ง บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกที่ 2ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หุ้นราล์ฟ ลอเรน ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของสหรัฐ ร่วงลง 4.32% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทางบริษัทต้องปิดร้านค้าหลายแห่ง และยังทำให้ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูทั่วโลกชะลอตัวลงด้วย
หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ร่วงลง 7.47% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรลดลงในไตรมาส 2
หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 1.5% ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของไมโครซอฟท์ในการเจรจาซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐ ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่คัดค้านการที่ไมโครซอฟท์ คอร์ปจะเข้าซื้อกิจการของTikTok แต่หากการซื้อกิจการดังกล่าวไม่เกิดขึ้นภายในวันที่ 15 ก.ย. เขาก็จะสั่งแบนการให้บริการของ TikTok ในสหรัฐฯ
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%