

- ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำไม่ต่างประกันสุขภาพ
- ทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก เพราะผลประโยชน์มหาศาล
- ประชาชนต้องการวัคซีนที่มีคุณภาพ ไม่ได้กลัววัคซีน แต่กลัวซิโนแวค
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “มวยวัคซีน” เปรียบเทียบตนเองกำลังพากษ์มวย พร้อมระบุชื่อตอนพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม โดยชื่อตอนว่า “นายกฯโดนยำ” อาการไม่ค่อยดี การ์ดตก ก่อนย้อนปัญหาโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่แล้ว จนมีการสั่งซื้อวัคซีนมารักษาแต่ไม่มีของ กลายเป็นวัคซีนทิพย์ ประกอบกับการที่โควิดระลอกใหม่กำลังมา จึงจำเป็นต้องซื้อวัคซีนซิโนแวค ที่มีประสิทธิภาพแค่ 50% แถมยังมีเจ้าสัวใหญ่ถือหุ้น แต่ท้ายที่สุดตัวนายกฯเองกลับไม่ยอมฉีด ขอรอวัคซีนของแอสตราเซเนกาแทน
นายชูวิทย์ เผยอีกว่าช่วงนั้นทุกประเทศล้วนซื้อวัคซีนระดับโลกอย่างไฟเซอร์และโมเดอร์นา แล้วฉีดเลยทันที ไม่รอแบบไทยที่คิดการณ์ไกลจะให้โรงงานยาผลิตเอง แถมยังคงยืนยันจะใช้แค่ 2 ยี่ห้อแค่แอสตราเซเนกา กับ ซิโนแวค พอมาถึงการระบาดระลอก 3 คลัสเตอร์ทองหล่อ ประกอบกับความซื่อบื่อรัฐบาลไม่ยอมล็อคดาวน์ช่วงสงกรานต์ ส่งผลให้มีผู้ติดโควิดและเสียชีวิตจำนวนมาก แถมยังมีสายพันธุ์ใหม่มาเพิ่ม จนทำให้นายกฯที่อาการโคม่าต้องสั่งวัคซีนมาเพิ่ม ตำหนิเป็นปู้นำที่ไร้วิสัยทัศน์ ไม่ฟังเสียงคนอื่น
นายชูวิทย์ เผยต่อว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯจึงได้สั่งวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม แต่รอบนี้กลับลำระบุว่าอายุเกิน 60 ปี กลับฉีดได้ แถมรณรงค์ให้มาฉีด แต่แท้จริงแล้วประชาชนไม่ได้กลัววัคซีน แค่กลัวยี่ห้อนี้ที่จะนำมาฉีด ต่อมาล่าสุดนายกฯ ยังประกาศอีกจะนำเข้าวัคซีน 150-200 ล้านโดส โดยไม่มีแผนการรองรับว่าจะฉีดกันยังไง และยังมีส.ส.ที่หาประโยชน์โดยการขึ้นป้ายหาคะแนนให้ตัวเองอีก
นายชูวิทย์ เผยต่อว่าถ้าให้วิเคราะห์เชื่อว่าจะแบ่งเกณฑ์ให้ยุ่งยากตามสไตล์ราชการไทยว่าวัคซีนมี 2 ประเภท คือวัคซีนที่รัฐจัดให้ 2 ยี่ห้อ กับ วัคซีนทางเลือก ที่นอกเหนือจากของรัฐ เอกชนซื้อได้แต่ต้องซื้อผ่านรัฐเท่านั้น ทำให้ราคาแพงแน่นอน เพราะมีทั้งค่าภาษี ค่าดำเนินการ รวมถึงใต้โต๊ะ เงินทอน และนี้คือเป็นสาเหตุที่รัฐยังไม่ตัดสินใจว่าวัคซีนไฟเซอร์ จะอยู่ในประเภทใด ทั้งที่ประชาชนเฝ้ารอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีกว่า และคนจนไม่มีสิทธิ์เลือกจะฉีดของที่รัฐจัดให้ เปรียบเปรยเป็นวัคซีนคนจน กับ คนรวย แสดงให้เห็นความเหลื่อมล้ำแทรกซึมไปถึงเรื่องวัคซีน ไม่ต่างจากประกันสุขภาพ ทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากเพราะผลประโยชน์มหาศาลวงการยาและการเมือง
นายชูวิทย์ ยังทิ้งท้ายว่าเป็นการอำมหิตเกินไปที่แบ่งชนชั้นการใช้วัคซีนกับประชาชน พร้อมแนะนำว่ายอมให้ฉีดวัคซีนไปถึงแม้จะเป็นของห่วย ก็ดีกว่าไม่ได้ฉีด แต่แค่นี้ก็รู้แล้วว่า “เป็นมวยล้มต้มคนดู”