“ชัยธวัช”แจง “ก้าวไกล”ไม่โหวตให้ “เศรษฐา”เป็นนายกฯ เพราะต่อลมหายใจให้เผด็จการ มีราคาที่ประชาชนต้องจ่ายคือ ความหวัง-อำนาจ-ศรัทธา
- อนุญาตให้ประชาชนเลือกตั้งพอเป็นพิธี
- แต่ไม่มีสิทธิในอำนาจที่แท้จริง
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวในการอภิปรายลงมติให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า สส.พรรคก้าวไกลไม่สามารถโหวตเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้ เพราะเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลขัดต่อเจตจำนงของประชาชน ที่ต้องการยุติการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลคสช. ความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ แต่เป็นการต่อลมหายใจให้คสช.ที่วางอำนาจเอาไว้
การที่บอกว่าเป็นความจำเป็นต้องจ่ายต้นทุนมหาศาล ต้องกลืนเลือด ขอให้ลองคิดใหม่ว่า อะไรคือราคาต้นทุนที่ประชาชนและสังคมไทยต้องจ่าย ราคาที่ประชาชนต้องจ่ายคือความหวัง การเลือกกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ประชาชนหวังจะเปลี่ยนระบบรัฐประหารได้โดยสันติ การเมืองไทยเดินหน้าสู่อนาคตไม่ใช่เดินสู่อดีตเหมือนที่เห็นอยู่ในขณะนี้
นายชัยธวัชกล่าวว่า ราคาที่ประชาชนต้องจ่ายอีก คือ อำนาจ ประชาชนเคยเชื่อระบอบประชาธิปไตยคืออำนาจของประชาชน แต่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพิเศษ อนุญาตให้ประชาชนเลือกตั้งพอเป็นพิธี แต่ไม่มีสิทธิในอำนาจที่แท้จริง เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นไม้ประดับ ไม่ใช่เจ้าของอำนาจที่แท้จริง และราคาที่ประชาชนต้องจ่ายอีกเรื่องคือ การสูญเสียศรัทธาต่อระบบการเมืองของประชาชน เป็นสัญญาณอันตรายต่อระบบการเมืองในอนาคต
หัวใจของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาคือความขัดแย้งระหว่างอำนาจของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ยังหาทางออกไม่ได้ ทางออกไม่ใช้การสลายขั้วความขัดแย้งอย่างผิวเผิน หรือผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ไม่สามารถสลายความขัดแย้งได้ หากสยบยอมให้กับระบบการเมืองที่บอกเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่ยอมให้อำนาจกับประชาชนจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงได้ในอนาคต
“ประชาชนจำนวนมากนับล้านคนกำลังผิดหวัง กำลังโกรธ หรือคับข้องใจกับการเมืองที่เกิดขึ้น แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาได้สะท้อนสังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว แต่ยังไม่มากพอ แม้จะผิดหวัง โกรธ หรือคับข้องใจ แต่อย่าหันหลังให้กับการเมืองต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือและเปลี่ยนแปลงให้ได้ ทำให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนจริงๆ” นายชัยธวัชกล่าว
