ชัดเจน! เอกฉันท์ 63 เสียง “กมธ.งบประมาณปี 64” ลงมติตัดงบซื้อเรือดำน้ำ เหลือ 0 บาท



  • ด้านพรรคก้าวไกลค้าน เลื่อน 1 ปี ไร้ประโยชน์
  • ขณะที่ กมธ.2 ฝ่าย หนุนภาครัฐ เจรจาใหม่
  • แนะพ่วงโควต้าเพิ่ม นำเข้าสินค้าเกษตร แก้ปากท้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ..) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ...งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ..2564 ที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน ได้มีการพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนที่มีนายสุพล ฟองงาม ..บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน

ทั้งนี้นายสุพล กล่าวต่อที่ประชุมว่า คณะอนุกรรมาธิการฯได้ประชุมและปรับลดงบประมาณ 4,521 ล้านบาท จำแนกเป็น ปรับลดในแผนงานพื้นฐาน 567 ล้านบาท ปรับลดในแผนยุทธศาสตร์ 3,954 ล้านบาท

ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ..บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธกล่าวว่า งบประมาณสำหรับการจัดซื้อเรือดำน้ำควรชะลอไปก่อน ซึ่งจะทำให้เราได้รับเรือดำน้ำในปี 2571 จึงควรให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติให้ปรับลดงบประมาณในส่วนนี้

ทั้งนี้ต่อมานายสันติ ในฐานะประธาน กมธกล่าวต่อที่ประชุมว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญกรรมาธิการแต่ละพรรคไปหารือถึงความเหมาะสมเกี่ยวกับเรือดำน้ำ ซึ่งจากการสอบถาม ได้มีข้อสรุปเห็นตรงกันว่าการมีเรือดำน้ำ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจำนวน 3 ลำน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เนื่องจากประเทศไทยมีทะเลถึงสองฝั่งและพื้นที่ชายฝั่งทะเล 12 ไมล์ทะเล รวมถึงยังมีพื้นที่ทับซ้อนด้านความมั่นคง ที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน

นายสันติ กล่าวอีกว่า เรื่องเรือดำน้ำได้ผ่านออกมาเป็นงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 แต่ด้วยความปรารถนาดีและเห็นแก่เศรษฐกิจของประเทศ ทางกองทัพเรือได้ส่งงบประมาณคืนเพื่อให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งต้องขอบคุณกองทัพเรือด้วย และจะมีการดำเนินการคืนงบประมาณให้ในปีงบประมาณ 2564 ต่อไป แต่เมื่อมาถึงการพิจารณางบประมาณปี 2564 ปรากฎว่าการแพร่ระบาดของโควิดยังไม่ได้คลี่คลาย เนื่องจากยังไม่มีวัคซีน ดังนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญฯเห็นว่าแม้เรือดำน้ำมีความจำเป็น แต่ยังไม่เหมาะในเวลานี้ เพราะโควิดอาจเกิดการระบาดรอบสองได้

ทางกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือได้แจ้งมายังคณะกรรมาธิการว่าในปี 2564 กองทัพเรือยินดีให้ปรับงบประมาณจำนวน 3,925 ล้านบาท ในส่วนที่จะต้องไปจ่ายออกไปก่อนให้เป็น 0 และให้กองทัพเรือไปใช้งบประมาณในปีถัดไปตามเห็นสมควร และให้กองทัพเรือไปเจรจากับทางผู้ผลิตว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรในการทำให้ประเทศไทยมีเรือดำน้ำตามความประสงค์ ปีนี้เลื่อนงบประมาณงวดแรกในการจ่ายเรือดำน้ำออกไป กองทัพเรือได้มีหนังสือแล้วส่วนเงินที่ปรับออกไปนั้นคงเป็นหน้าที่ของหน่วยรับงบประมาณและสำนักงบประมาณจะไปพิจารณา” นายสันติ กล่าว

ต่อมานายสันติ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าขอใช้สิทธิในฐานะกรรมาธิการ เพื่อเสนอญัตติให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ตามที่กองทัพเรือได้ทำมาเป็นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ

อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการวิสามัญฯในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ทั้งนพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ..เชียงราย และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ..บัญชีรายชื่อ กล่าวที่ประชุมเพื่อยืนยันตรงกัน กรรมาธิการวิสามัญฯในส่วนพรรคก้าวไกลไมได้คุยกับนายสันติตามที่มีการกล่าวอ้าง และพรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำและการเลื่อนออกไปเพียงหนึ่งปีงบประมาณนั้นไม่น่าจะเป็นประโยชน์

โดยนายพิจารณ์ ได้สอบถามต่อที่ประชุมและตัวแทนสำนักงบประมาณว่า ปีงบประมาณ 2565 จะมีการพิจารณางบประมาณในส่วนเรือดำน้ำใหม่หรือไม่อย่างไรหรืองบประมาณส่วนนี้จะตกไป และกองทัพเรือต้องตั้งงบประมาณเข้ามาใหม่หรือไม่ รวมถึงแนวทางของคณะกรรมาธิการวิสามัญกฎหมายงบประมาณในปีหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ด้านตัวแทนสำนักงบประมาณ กล่าวว่า รายการเรือดำน้ำที่มีการอนุมัติตั้งแต่ปี 2563 ส่วนการดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 จะต้องรอความชัดเจนจากกองทัพเรือว่าได้มีการเจรจากับทางผู้ผลิตอย่างไรก่อน

จากนั้น นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ..มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ และรองประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวเสียงดังกลางที่ประชุมว่า ก่อนจะลงมติควรให้คณะอนุกรรมาธิการฯได้กล่าวรายงานเรื่องดำน้ำต่อที่ประชุมก่อนว่าคณะอนุกรรมาธิการฯมีรายละเอียดในเรื่องเรือดำน้ำอย่างไรบ้าง

แต่ปรากฎว่านายวราเทพ รัตนากร รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตอบโต้นายยุทธพงศ์ว่า เมื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้เสนอญัตติให้ที่ประชุมลงมติแล้ว จะต้องไปสู่ขั้นตอนของการลงมติ ส่วนเรื่องรายละเอียดของของคณะอนุกรรมาธิการฯนั้นที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯดูได้จากเอกสารอยู่แล้ว หากนายยุทธพงศ์จะขออภิปรายก็ทำได้เฉพาะกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำเท่านั้น

ทั้งนี้ ข้อท้วงติงนายวราเทพกลางที่ประชุม ทำให้นายยุทธพงศ์ยุติการขออภิปรายไป จากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติเอกฉันท์ 63 เสียง งดออกเสียง 3 เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณจำนวน 3,925 ล้านบาท ในส่วนที่จะต้องไปจ่ายออกไปก่อนให้เป็น 0 บาท ตามที่นายสันติเสนอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้กมธ.ฯยังได้เสนอแนะข้อสังเกตไปยังกองทัพเรือ โดย นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ..ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะ กมธกล่าวว่า ปี 2565 อยากให้รัฐบาล และกองทัพเรือเจรจาขอเพิ่มโควตานำเข้าพืชผลการเกษตร อย่างน้อยๆ ให้เท่ามูลค่าของเงินชำระเรือดำน้ำในแต่ละปีด้วย เนื่องจากประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ถามกันมาเยอะว่า การซื้อเรือดำน้ำ ไม่เกี่ยวข้องกับปากท้องกับประชาชนเลยสิ่งเหล่านี้ถ้ารัฐบาล กับกองทัพเรือทำได้จะช่วยให้ประชาชนสบายใจได้ขึ้น

ขณะที่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ..บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า  มีกมธ.หลายคนสนับสนุนให้ใช้นโยบายแลกเปลี่ยนสินค้าในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งในหลายประเด็นใช้กัน แต่ขณะเดียวกับมีหลายประเทศไปไกลนั้น โดยมีการจัดซื้อด้วยนโยบายชดเชย อย่างอินโดนีเซีย ใช้งบประมาณพอๆกับไทยในการซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำจากประเทศเกาหลีใต้ แต่การจัดซื้อลำที่ 3 ของอินโดนีเซีย มีเงื่อนไขในการประกอบภายในประเทศทั้งหมด เพื่อให้วิศวกร 200 คนได้เรียนรู้ถึงเทคนิคในการประกอบเรือดำน้ำ ขณะที่ผู้ประกอบการจะได้เรียนรู้ถึงการควบคุมคุณภาพการผลิต

จึงขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่า เรือดำน้ำ ลำ 2 และ 3 ที่จะจัดซื้อในปีต่อ ๆไป ถ้าจำเป็นต้องซื้อรัฐบาล ควรพิจารณาการเจรจาแบบใหม่การในจัดซื้อแบบชดเชยเพื่อให้ประเทศได้รับการถ่ายถอดเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” นายพิจารณ์ กล่าว