

- เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทน
- ตั้งเป้าเป็นผู้นำชิ้นส่วนยางและชิ้นส่วนประกอบที่เกี่ยวกับยางในอุตสาหกรรมยานยนต์ครบวงจร
- ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ และอะไหล่ยางสำหรับใช้ในรถยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 30 ปี และประสบความสำเร็จในการผลิตชิ้นส่วนคุณภาพที่สามารถทดแทนในรถยนต์โดยเฉพาะ ทางบริษัทฯไม่ได้หยุดพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการยกระดับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มีการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยมีมาตรฐานรองรับ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความคงทน และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ในราคาเข้าถึงง่าย บริษัทฯจึงหวังว่าอะไหล่ POP จะเป็นแบรนด์ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทางโรงงานผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ใช้รถในทุกภูมิภาคของโลก โดยบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายมากกว่า 5,000 รายการ อาทิ ยางแท่นเครื่อง, ยางแท่นเกียร์, ยางกันกระแทก, ยางกันสะเทือน,ยางเพลากลาง, บู๊ชปีกนกล่าง-บน และ บูชโช๊คอัพล่าง เป็นต้น
ล่าสุด ชลิต อินดัสทรีฯ บุกตลาด “เบ้าโชคอัพบน-ล่าง” อะไหล่ทดแทนคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “POP” ผลิตจากยางธรรมชาติ ทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี เจาะกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งรถเก๋งและรถ กระบะ รวมทั้งรถเพื่อการพาณิชย์ (สิบล้อ) ชิ้นส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นตัวยึดชุดโช๊คอัพเข้ากับโครงรถ และเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสปริงโช๊คอัพและอะไหล่ช่วงล่างของรถทั้งคัน และปรับทิศทางการหมุนของโช๊คอัพ โดยการหมุนของลูกปืนที่อยู่บนเบ้าโช๊คอัพ ถ้าหากเบ้าโช๊คอัพเสื่อมสภาพ เวลาเลี้ยวหรือตกหลุมจะทำให้มีเสียงดัง และหากเบ้าโช๊คอัพขาดก็อาจจะทำให้โช๊คอัพหลุดจากเบ้าได้ เมื่อได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง

“เบ้าโช๊คอัพมักจะเป็นอะไหล่ที่ถูกมองข้าม แต่หากปล่อยให้เบ้าโช๊คอัพเสื่อมสภาพ จะส่งผลทำให้รถยนต์เกิดความเสียหายมากขึ้นได้ โดยเฉพาะการขับขี่ในช่วงหน้าฝน เพราะละอองน้ำฝนอาจทำให้เบ้าโช๊คอัพและอะไหล่อื่นๆเป็นสนิมและที่สำคัญหากขับรถที่เบ้าโช๊คอัพมีการชำรุด จะส่งผลให้ช่วงล่างรถยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและอาจส่งผลต่ออะไหล่ชิ้นอื่นๆให้ได้รับความเสียหายตามไปด้วย สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือการไม่สมดุลของรถยนต์ เวลาขับน้ำหนักจะเทไปข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้”
นายชวิศ กล่าวว่า โดยปกติเราควรเปลี่ยนหรือตรวจสภาพเมื่อรถยนต์วิ่งเกิน 100,000 กิโลเมตร เพื่อให้แน่ใจว่าช่วงล่างรถยนต์ยังอยู่สภาพที่พร้อมใช้งาน แต่ในบางกรณีเบ้าโช๊คอัพอาจจะเสียก่อนเวลาได้ แม้ว่ารถยนต์จะมีไมล์น้อยก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการใช้งานหรือสภาพพื้นผิวถนนที่อาจส่งผลต่อช่วงล่างรถยนต์ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรสังเกต หากมีเสียงดังกึกๆกักๆหรือเสียงบด โดยเฉพาะในความเร็วที่ต่ำ การเปลี่ยนเกียร์ การขับรถลงหลุมการขึ้นเนินหลังเต่าหรือการขับรถบนทางขรุขระ ควรเปลี่ยนหรือตรวจสภาพโช๊คอัพและเบ้าโช๊คอัพ
#Thejournalistclub #วัคซีนโควิด #โควิด19 #ชลิตอินดัสทรี