“จุรินทร์” สั่งคุมเข้มพฤติกรรมร้านค้าเข้าร่วมโครงการรัฐ



  • ทั้งโครงการคนละครึ่ง-เราชนะ-ม33เรารักกัน
  • หวั่นผู้ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน
  • พร้อมส่งรถพุ่มพวงไปทั่วประเทศลดค่าครองชีพผู้บริโภค

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” แล้วนั้น ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และกรมการค้าภายใน ออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้า และบริการ รวมถึงร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ของรัฐบาล เช่น เราชนะ, ม33 เรารักกัน ฯลฯ โดยต้องกำชับให้ผู้ค้า ไม่ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาขายสินค้าและบริการโดยเด็ดขาด รวมถึงให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ผู้ค้าเอาเปรียบประชาชน

“ได้สั่งการกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ให้ตรวจสอบสถานการณ์ขายสินค้าและบริการ รวมถึงพฤติกรรมของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐบาล อย่าให้ฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนโดยเด็ดขาด เพราะรัฐบาลทุ่มงบประมาณมหาศาลในการจัดทำโครงการเหล่านี้ จึงต้องการให้ประชาชน รวมถึงร้านค้า ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่”

ทั้งนี้ หากประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือพบเห็นร้านค้าเอาเปรียบ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร.1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ โดยกรณีขึ้นราคาขายสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร หรือทำให้สถานการณ์ราคาสินค้าปั่นป่วน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคา จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ยังเดินหน้าลดค่าครองชีพให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยได้ขยายการจัดทำรถเคลื่อนที่ (รถพุ่มพวง) บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น อาหารสด อาหารแห้ง สิ่งซักล้าง ฯลฯ ไปขายในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มเติมจากปัจจุบัน ดำเนินการในกรุงเทพฯและปริมณฑลตามชุมชนต่างๆ โดยจะนำร่องใน 3 จังหวัดก่อน ได้แก่ วันที่ 17 มิ.ย.นี้ ที่จ.อุดรธานี  วันที่ 18 มิ.ย.ที่จ.ขอนแก่น และวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ที่จ.นครสีธรรมราช จากนั้น จะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป 

ขณะเดียวกัน ในเร็วๆ นี้ จะจัดทำโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 12” ซึ่งจะเป็นการขอความร่วมมือพันธมิตรภาคเอกชน เช่น ผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ให้ลดราคาขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของผู้ประกอบการแต่ละราย เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วย ซึ่งไม่ได้ใช้เงินของรัฐบาลในการดำเนินการ แต่เป็นการที่ผู้ประกอบการช่วยลดรายได้ของตนเองลง โดยขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดกับภาคเอกชน คาดว่า จะดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ 

ทั้งนี้ ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 11 (Food Delivery)” ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย.นี้ โดยผู้ประกอบการฟู้ด ดีลิเวอรี่ ลดค่าส่วนแบ่งการขาย (จีพี) ให้กับร้านอาหารลงเหลือ 25% จากที่เก็บอยู่ 30-35% และไม่คิดค่าขนส่งระยะทาง 3-5 กิโลเมตรแรก รวมถึงลดราคาอาหารให้กับผู้ซื้อด้วย โดยคาดจะทำให้ผู้ประกอบการฟู้ด ดีลิเวอรี่ สูญเสียรายได้ราว 250-300 ล้านบาท แต่่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 2,000 ล้านบาท