คลัง ดันลงทุนพีพีพีกว่า 2.4 แสนล้านบาท สร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนาประเทศ



  • จี้สคร.ติดตามการเบิกจ่ายตามแผน อย่าล่าช้า
  • “ไพรินทร์”นั่งเป็นประธานเร่งรัดติดตามโครงการลงทุน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้วยวิธีการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน(พีพีพี) ตั้งแต่ปี 2559 -2563 มีเม็ดเงินลงทุนไปแล้วประมาณ 831,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2563 ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2564 จะมีเม็ดเงินลงทุนพีพีพีอีก 247,000 บาท ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินลงทุนที่มาจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนาประเทศ อาทิ โครงการมอเตอร์เวย์ บางประอิน-นครราชสีมา ,โครงการทางพิเศษกระทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และโครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ เป็นต้น

“โครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ผมได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)ติดตามการเบิกจ่ายให้ตรงตามแผนที่กำหนด เพื่อไม่ให้โครงการเกิดความล่าช้า ซึ่งรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ที่มีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นประธาน เพื่อเร่งรัดติดตามโครงการลงทุนแล้ว”

สำหรับงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ในปีงบประมาณ 2564 นั้น คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติแผนการลงทุนเป็นวงเงินรวม 285,000 ล้านบาท โดยมีเป้าเบิกจ่ายที่ 95% ของงบลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2564 สูงกว่าปี 2563 จำนวน 37,000 ล้านบาท ขณะที่ การเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2563 ทำได้ราว 80-82% ซึ่งสาเหตุที่ต่ำกว่าเป้าที่ 95% เพราะการอนุมัติงบลงทุนออกมาล่าช้ากว่ากำหนด อย่างไรก็ตามการเบิกจ่ายได้ในระดับดังกล่าวก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ เนื่องจากผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจในปี 2563 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งมีการล็อคดาวน์ประเทศและรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้าและประปา มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนในการลดค่ำไฟฟ้าและประปา จึงได้สั่งให้รัฐวิสาหกิจไปวิเคราะห์ผลกระทบจากโควิด-19 ว่ามีมากน้อยเพียงใด และจำเป็นต้องปรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 หรือไม่ รวมถึงให้พิจารณาแผนการดำเนินงานของปี 2565 ไปพร้อมๆ กันด้วย