

- หวังดันจีดีพีปี 2563 ได้ 0.2% และปี 2564 0.25%
- ข่าวดีกันเงิน “คนละครึ่ง”เฟสสองให้30,000 ล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ ที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน เสนอ การดำเนินแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามบัญชีแนบท้ายพระราชกำหนดกู้เงิน รอบที่ 2 วงเงิน 152,000 ล้านบาท มีเพื่อให้เกิดการจ้างงานต่อเนื่องและฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆโดยเฉพาะสาขาที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เช่นสาขาท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ไม่หดตัวมากกว่าที่คาดไว้และช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2564 ให้ฟื้นตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ จากผลการประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถช่วยสนับสนุนจีดีพีของประเทศไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากกรณีฐานหรือกรณีไม่มีเงินกู้ประมาณ 0.2 %ในปี 2563 และ 0.25% ในปี 2564 โดยมีผลสัมฤทธิ์ที่คาดว่าจะเกิดเป็นรูปธรรม ได้แก่ ช่วยให้เกิดการรักษาการจ้างงานและจ้างงานใหม่รวมกว่า 310,000 ราย และสามารถยกระดับทักษะแรงงานอาชีพเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและวางรากฐานการพัฒนาในระยะต่อไปไปได้กว่า 160,000 ราย ขณะที่เกษตรกรและผู้ประกอบการระดับชุมชน ทั้งในภาคการผลิตและบริการ 76 จังหวัดมีการยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิตบริการและสามารถฟื้นฟูธุรกิจให้พร้อมรับกับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไปภายหลังวิกฤตโควิดตลอดจน ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนจำนวน 10 ล้านคน สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างน้อย 100 ร้านค้า และเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 60,000 ล้านบาท ผ่านโครงการคนละครึ่ง และช่วยพื้นที่ทำการเกษตร 96.4 ล้านไร่เก็บกักน้ำได้มากขึ้นด้วยการบริหารจัดการระบบน้ำชุมชน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไป ว่า ภายใต้กรอบวงเงิน 152,000 ล้านบาท จะต่อเนื่องจากรอบที่1 ที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว วงเงิน 92,400 ล้านบาท โดยการดำเนินในรอบ 2 จะประกอบด้วย 4 กลุ่มแผนงานหรือโครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการส่งเสริมการจ้างงานและพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและวางรากฐานการพัฒนาในระยะต่อไปตัวอย่างเช่นโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชนของกระทรวงแรงงาน 19,462 ล้านบาท 2.โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่นเช่นโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก 45000 ล้านบาท 3 โครงการส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคเพื่อฟื้นฟูตลาดและเศรษฐกิจทุกระดับเช่นโครงการคนละครึ่ง 30,000 ล้านบาท 4 โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัวและพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่นโครงการเพื่อพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้ ครม. ยังได้เห็นชอบโครงการ 3 โครงการภายใต้เงินกู้ก้อนนี้ วงเงินรวมประมาณ 112 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการโอทอปไทย สู้ภัยโควิด -19 วงเงิน 95 ล้านบาท โครงการพลิกวิกฤตโควิด-19 สู่การสร้างเศรษฐกิจจากโอทอปสมุนไพรในชุมชนอย่างยั่งยืน วงเงิน 8 ล้านบาท และโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ด้วยการนวดไทยในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 วงเงิน 9 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าการใช้เงินกู้เฟสแรกที่ครม.อนุมัติกรอบเก้า 92,400 ล้านบาทนั้น จนถึงขณะนี้ ครม.อนุมัติโครงการไปแล้ววงเงิน 86,068 ล้านบาท ขณะที่เบิกจ่ายไปเพียง 4,357 ล้านบาท หรือ 6.19%ของกรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติไป