คมนาคมบี้เอาตั๋วร่วมมาใช้ “รถไฟฟ้าสีเขียว-น้ำเงิน-ม่วง” อำนวยความสะดวกประชาชน



  • ส่วนบัตร EMV คาด “สายสีม่วง-น้ำเงิน” ใช้ได้ก่อนเดือน ค.ค. 64
  • พร้อมใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบภายในเดือน ม.ค. ปี 65

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วมว่า ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้น ให้เร่งจัดทำระบบให้บัตรโดยสารที่ประชาชนมีอยู่ในปัจจุบัน สามารถใช้บัตรข้ามระบบได้ ซึ่งเมื่อสามารถใช้บัตรข้ามระบบระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการใช้บริการระบบขนส่งมวลชนและส่งผลให้มีปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางข้ามระบบสูงขึ้น

ส่วนระยะยาว มีการจัดทำระบบตั๋วร่วมแบบ Account Based Ticketing (ABT) โดยใช้บัตร EMV Contacless (Europay Mastercard and Visa)  มาใช้กับระบบตั๋วร่วมซึ่ง รฟม. มีความพร้อมที่จะร่วมมือกับสถาบันการเงินที่มีระบบEMV ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารกรุงไทย ที่แจ้งว่ามีความพร้อมที่จะลงทุนในระบบ EMV ทั้งหมดเพื่อให้ผู้ประกอบการมาใช้บริการของธนาคารกรุงไทย สำหรับสายสีม่วง และสายสีน้ำเงิน โดยในเดือนตุลาคม 64 จะใช้ได้ประมาณ 5o %และจะใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนมกราคม 65 

นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติม 1 คณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมองค์กร ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีการออกตั๋วร่วม มาตรฐานเทคโนโลยีระบบงาน มาตรฐานโครงสร้างข้อมูล มาตรฐานความปลอดภัยทางเทคโนโลยี และมาตรฐานการดำเนินงานของระบบงาน 2 คณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานอัตราค่าโดยสารและจัดสรรรายได้ ทำหน้าที่ กำหนดมาตรฐานการจัดเก็บค่าธรรมเนียม มาตรฐานการจัดสรรรายได้ มาตรฐานอัตราค่าโดยสารในกรณีใช้อัตรา ค่าโดยสารร่วม และกรอบมาตรฐานค่าธรรมเนียมการชำระเงิน และการเจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการ

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ยังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมบูรณาการความร่วมมือและความต้องการของประชาชน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนระบบตั๋วร่วมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดและการพัฒนาระบบการคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง ตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งได้มอบหมายให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาถึงความซ้ำซ้อนของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระบบตั๋วร่วมทั้งหมดที่กำลังพัฒนาอยู่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยให้พิจารณาถึงการเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์เข้ามาร่วมพัฒนาระบบตั๋วร่วมได้ รวมถึงการพัฒนาระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติในรูปแบบ M-Flow ตลอดจนดำเนินการกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะ ให้แล้วเสร็จเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ ในการประชุมครั้งต่อไป ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 64