

- เพิ่ม Use Case ในพื้นที่เศรษฐกิจอีอีอีซี
- ดัน 5G ใช้งานด้านการศึกษาคมนาคม-โลจิสติกส์ –ท่าเรือ-การบริหารน้ำ
- จัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินงานด้านโทรคมนาคมสำหรับ 5G ในปี 2564 กสทช.จะเร่งดำเนินการ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. การส่งเสริมสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G โดยจะเตรียมความพร้อมประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3500 เมกะเฮิร์ซ (MHz) ซึ่งคาดว่าออกหลักเกณฑ์การประมูลได้ภายในไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ปี 64 เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการกสทช.ต่อไป
“ขณะนี้กสทช.อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต้องวางอุปกรณ์กันสัญญาณรบกวนอย่างไร รวมถึงการเยียวยาลูกค้าดาวเทียมที่บมจ.ไทยคม (THCOM) ที่ให้บริการอยู่ ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในเดือน ก.ย.64 รวมทั้งอาจจะพิจารณาประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ 28 Ghz พร้อมกับย่าน 3500 เมกะเฮิร์ซ (MHz) หากผลการศึกษาที่กำลังดำเนินงาน ด้านราคาว่าควรจะใช้ราคาเริ่มต้นใหม่หรือไม่ และราคาเท่าไร เสร็จสิ้นเร็ว”

นอกจากนี้จะผลักดันให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคส่วนต่างๆ หรือ Use Case เช่น ระบบโลจิกติกส์อัจฉริยะ (Smart Logistic) ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) หลังจากได้ดำเนินการระบบการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Smart Health) ที่ รพ.ศิริราช เป็นต้นแบบรพ.อัจฉริยะ คาดเปิดตัวต้นปี 64 และเพิ่ม Use Case ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น
“ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ครอบคลุม 5G ภายในพื้นที่ EEC ของทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์ (AIS, TRUE, DTAC) รวมกันเกินกว่า 50% ดังนั้นในปีหน้าจะมีการีจัดทำมาตรฐานการให้บริการ 5G เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการ 5G แห่งชาติเพื่อนำมาใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ดังนี้ 1.การศึกษา ส่งเสริมการเรียนทางไกล ด้าน2.คมนาคม-โลจิสติกส์ 3.ท่าเรือ โดยจะร่วมมือกับท่าเรือศรีราชา ใช้หุ่นยนต์ในท่าเรือ สถานีกลางบางซื่อลักษณะเดียวกับสมาร์ท แอร์พอร์ต และ4.การบริหารจัดการน้ำ ซึ่งปัจจุบันหารือกับมูลนิธิปิดทองหลังพระอยู่เพื่อนำ 5G เข้าไปช่วยในการบริการจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำ ป้องกันการขโมยน้ำ”
2.ยกระดับการกำกับดูแลยุคใหม่ไปสู่ Data Driven Economy โดยปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคมให้สอดคล้องกับบริบทการหลอมรวมเทคโนโลยี รวมทั้งยกระดับการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ รวมถึงจัดทำข้อกำหนดด้านเทคนิคเกี่ยวกับ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) และแนวทางการกำกับดูแลร่วมกับ TTC-CERT และยกระดับการให้บริการโทรคมนาคมให้มีมาตรฐานและปลอดภัยผ่านโมบายไอดี (Mobile ID) และการทำความรู้จักลูกค้าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC)

3.ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ได้แก่ การจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงดินเพื่อรองรับสมาร์ท ซิตี้ (Smart City) การจัดให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ทุรกันดาร ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (USO Net) ซึ่งกสทช.กำลังดำเนินการทำแผนแม่บท ฉบับที่ 2 ที่จะรวมถึงการขยายแบรนด์วิช (bandwidth) ทั้งนี้คาดว่าจะใช้บังคับได้ในปี 2565 การส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายเข้าถึงผู้ใช้บริการร่วมกัน และมีแนวทางความร่วมมือการบริหารจัดการใช้ท่อร้อยสายและการจัดระเบียบสายสื่อสาร
4.การนำเทคโนโลยีดิจิทัล (Technology Digital) มาใช้ในการกำกับดูแลและการวิจัย โดยประยุกต์ใช้ การระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลโทรคมนาคม อาทิ การรายงานข้อมูลแบบ โต้ตอบกัน (Interactive) รวมทั้งประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการ หน่วยงานวิจัยทั้งภายในและต่างประเทศ