

- ชี้! ตรวจบ่อยเหตุสินค้าหนีสินค้าเยอะขึ้น
- ปี 63 จับสินค้าลอบหนีภาษีได้กว่า 25,000 รายการ
- รอสศค.ปรับเป้ารายได้ปี 64 เหตุประเมินไว้ก่อนโควิดรอบ2
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดถึงกรณีสื่อโซเซียลร้องเรียนว่ากรมศุลกากรแกะกล่องพัสดุที่สั่งซื้อมาจากต่างประเทศเพื่อประเมินภาษีแพงหรือหยิบของออกไปจากบล่องเองนั้น ว่า เรื่องการแกะพัสดุที่ถูกส่งมาทางช่องทางเอ็กซ์เพลส หรือ บริการขนส่งด่วนนั้น กรมศุลกากรไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องดีแคลร์สินค้า ซึ่งต้องเปิดสินค้าให้กรมศุลให้ตรวจสอบเพื่อประเมินภาษี
“ที่บอกว่ากรมศุลแกะพัสดุนั้นไม่ใช่แล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องเปิดให้ดู กรมศุลจะไม่เปิดสินค้าที่ถูกส่งมาโดยพลการ รวมถึงสินค้าที่ถูกส่งมาทางไปรษณีย์ด้วย ถ้าหากรมศุลสงสัยก็เรียกให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์มาเปิดให้ดู ส่วนที่มีตรวจสอบสินค้าเยอะในช่วงนี้ เนื่องจากพบสินค้าลักลอบหนีภาษีเยอะขึ้น”
ทั้งนี้ในแต่ละปีจะมีสินค้าส่งจากผู้ประกอบการเอ็กซ์เพลส จำนวน 38 ล้านรายการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่านำเข้าส่งออกถือว่าน้อยมาก โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา กรมศุลสามารถดำเนินดคีกับผู้ที่ลักลอบส่งสินค้าหนีภาษีได้จำนวน 25,000 รายการ อย่างไรก็ตามส่วนมากของที่ส่งจากเอ็กซ์เพลสจะมีราคาของข้างในเฉลี่ยไม่เกิน 300 บาท
“อยากจะขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่พนักงานด้วย เพราะพนักงานกรมศุลมีคนแค่ 5,000-6,000 คนเท่านั้น และของที่สั่งมาเกิน 95% ไม่มีการร้องเรียนใดๆ ส่วนคนที่ออกมาบ่น ก็คือผู้ที่ถูกให้ดีแคลร์สินค้า”
สำหรับเป้าหมายจัดเก็บรายได้ตามเอกสารงบประมาณปี 2564 อยู่ที่ 104,000 ล้านบาท ประเมินก่อนที่จะเกิดโควิดระบาดระลอกที่สอง ส่วนเป้าคาดการณ์อยู่ที่ 90,000 บาท ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเป้างบประมาณอีกครั้งเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ซึ่งต้องรอคุยกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ก่อน อย่างไรก็ตามรายได้ของกรมยังมาจากสินค้านำเข้า-ส่งออก ซึ่งปัจจุบันลดลงเล็กน้อย เพราะการบริโภคในประเทศน้อยลงจึงทำให้ธุรกรรมลดลงตามไปด้วย แต่เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกันทั่วโลก
ส่วนเรื่องระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงาน ภาครัฐและภาคธุรกิจ) นั้นกรมศุลกากร กำลังส่งมอบระบบให้กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ
ทั้งนี้เพื่อให้คณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ NSW อยู่ภายใต้ คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและขนส่งสินค้า (กบส.) ซึ่งกำกับการดำเนินงานของ NSW อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกัน ซึ่งถ้าหากรายละเอียดการแก้ไขระเบียบต่างๆ ผ่านคณะกรรมการ กบส.แล้ว จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป