

- ย้ำต้องหารือถึงความคุ้มค่า และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้สอดคล้องกับระเบียบและข้อกฎหมายปัจจุบัน
- เพื่อทำให้เกิดการพิจารณาอย่างรอบคอบ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับกรุงเทพมหานคร
- ชี้ กทม.พร้อมปรับกิจกรรม หากเป็นต้นเหตุเสี่ยงคลัสเตอร์โควิด
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 13/2565 ณ อาคารธานีนพรัตน์ กทม.2 ดินแดง ว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางปฏิบัติการพิจารณาการใช้ที่ดินเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ จากกรณีที่เอกชนยินยอมให้กรุงเทพมหานครใช้ที่ดินเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจะได้รับการยกเว้นจัดเก็บภาษีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศ และจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าหน่วยงานมิได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินที่รับบริจาคดังกล่าว เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการรับที่ดินเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ หารือความคุ้มค่าและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้สอดคล้องกับระเบียบและข้อกฎหมายปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการพิจารณาอย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดกับกรุงเทพมหานคร
“เรื่องเอกชนให้ที่สาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวหรืออาจจะเพื่อเป็นการลดภาษี การที่ กทม.รับมอบที่ดิน ก็ต้องสูญเสียรายได้จากภาษีด้วย ดังนั้น กทม.ต้องคิดให้รอบคอบ จึงให้ตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การรับมอบ และกลั่นกรองให้คุ้มกับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทุกคนที่อยากจะบริจาคพื้นที่ให้ ทั้งพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่ที่เป็นบึงน้ำ ขณะนี้กทม.จะรับเรื่องไว้ก่อนและให้คณะกรรมการพิจารณาต่อไป” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาแนวทางการติดตามผลงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 9 ดี 216 นโยบาย ซึ่งทุกหน่วยงานนำเข้าข้อมูลโดยบันทึกโครงการ รายละเอียดการดำเนินงาน เป้าหมาย และขั้นตอนการดำเนินงานในระบบ BMA Digital Plans พร้อมปรับปรุงสถานะการดำเนินงานให้เป็นปัจจุบัน และประชาชนสามารถติดตามสถานะของนโยบายผ่านทาง https://gov.bangkok.go.th/ccp/frontend/web/
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล นำผลงานทั้งหมดของกรุงเทพมหานครมาแสดงในระบบด้วยไม่เพียงเฉพาะ 216 แผนปฏิบัติการ และต้องแยกวัตถุประสงค์ให้ชัด คือ แยกสำหรับติดตามงาน และให้ประชาชนสามารถเข้ามาดูได้ (ระบบภายใน ภายนอก)
สำหรับกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมของสธ.และรองปลัดกรุงเทพมหานครได้เข้าร่วมในฐานะผู้แทนของกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในวันนี้ตนจะเข้าร่วมประชุมผ่านระบบ ZOOM ด้วยเนื่องจากติดภารกิจจึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้
“ตัวเลขผู้ป่วยไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลผู้ป่วยของกทม.ขณะนี้เป็นจำนวนการตรวจ RT-PCR ร่วมกับการตรวจATK ตัวเลขจึงสูง ถึงแม้คนจะติดมากขึ้นแต่ความรุนแรงไม่มาก แนวทางการดำเนินงานของกทม.ขณะนี้มี 4 เรื่องคือ 1.เปิดให้บริการศูนย์บริการสาธารณสุขในวันเสาร์ 2.เปิดฉีดวัคซีนแบบ Walk In ในศูนย์สาธารณสุขในวันศุกร์และเสาร์ 3.ตรวจเชิงรุกในโรงเรียน เพื่อตัดตอนการแพร่ระบาด ซึ่งหลายคนติดจากโรงเรียน และ4.ฉีดวัคซีนเชิงรุกให้กลุ่มเสี่ยง 608 ในชุมชน สำหรับกิจกรรมที่กทม.จัดในที่โล่งแจ้ง ที่ผ่านมายังไม่เจอคลัสเตอร์จากกิจกรรม และจากการสอบถามผู้ป่วยในโรงพยาบาลพบว่าติดจากที่ทำงานและครอบครัวมากกว่า หากมีเหตุผลพอก็สามารถยกเลิกได้งานเป็นของประชาชนทำเพื่อให้มีกิจกรรมแต่หากมีผลลบก็พร้อมจะปรับตามข้อเสนอแนะ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ด้านนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นว่า ตอนนี้มีแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ (Mobile app) เป็น LINE Official Account เหมือน Traffy Fondue คือใช้ความสำเร็จของ Traffy Fondue ทำแอปพลิเคชัน “ปลูกอนาคต” ตรงตามนโยบายของท่านผู้ว่าฯ คือปลูกต้นไม้วันนี้แต่ปลูกเพื่ออนาคตให้ลูกหลาน วิธีการคือเข้าไปเพิ่มเพื่อนใน LINE ใส่คำค้นหา @tomorrowtree ตอนนี้สามารถบันทึกข้อมูลต้นไม้ที่เราปลูกได้ สามารถปลูกที่บ้านเอง ถ่ายรูป เลือกพันธุ์ไม้ มีแผนที่ ปักโลเคชั่น ในส่วนการใช้งานจะมีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ และจะแสดงกิจกรรมที่ กทม. จัดด้วย สามารถมาร่วมปลูกกับ กทม. ได้ เช่น ทุกวันอาทิตย์จัดผู้ว่าฯ สัญจร มีปลูกที่ไหน วันไหนปลูกที่ไหนบ้าง ก็มาร่วมกับ กทม. ได้ ข้อดีที่เราทำคือ มีต้นไม้ของคุณ คือปลูกเสร็จต้องไปดูแลด้วย คือต้นไม้ที่ไปปลูกที่ไหนมาก็จะมีประวัติของเราที่เคยปลูก สามารถติดตามและอัพเดทสถานะได้ ผู้ว่าฯ กทม. เสริมว่า กิจกรรมปลูกต้นไม้ดำเนินไปได้ด้วยดี และเป็นกิจกรรมที่คึกคัก ตอนนี้มีผู้จองร่วมปลูกต้นไม้ประมาณ 1.6 ล้านต้น
สำหรับในส่วนของการจองบัตรการประลองวงดุริยางค์ ระหว่างโรงเรียนกรุงเทพมหานคร และโรงเรียนในพื้นที่จ.นครราชสีมา วันที่ 31 ก.ค. นี้ รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวว่า ระบบจองบัตรเสร็จแล้ว แต่เนื่องจากมีผู้แสดงจำนวนมากจึงมีการเปลี่ยนสถานที่จึงต้องรอความชัดเจน เบื้องต้นมีการติดต่อสถานที่ใหม่เป็นที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก โดยวันที่ 30 ก.ค. 65 ผู้ว่าฯ กทม. จะเป็นหัวหน้าคณะนำนักเรียนเที่ยวกรุงเทพฯ โดยจะพานั่งรถไฟฟ้า ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซี ไลฟ์ โอเชียน เวิลด์ กรุงเทพ หรือบางกอก ซี ไลฟ์ โอเชียนเวิลด์ และเที่ยวในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายต้องฝากคุณครูไปถามเด็ก ๆ ว่า อยากดูอะไร