WHO แนะวิธีลดอัตราการเสียชีวิตผู้ป่วยโควิด



  • ใช้ยารักษาข้ออักเสบร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์
  • ผลศึกษาพบลดอาการป่วยหนัก-เสียชีวิตได้
  • ผู้ป่วยหนักรอดตายเพิ่ม 4 รายในทุกๆ 100 ราย

“WHO” แนะใช้ยารักษาข้ออักเสบร่วมสเตียรอยด์ ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ 

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ใช้ยา Actemra ของบริษัท โรช (Roche) และยา Kevzara ของบริษัท ซาโนฟี่ ( Sanofi) ซึ่งเป็นยารักษาโรคข้ออักเสบ ร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 หลังมีข้อมูลจากผู้ป่วย 11,000 รายบ่งชี้ว่า ยาดังกล่าวลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิดได้ 

ผลการศึกษาดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ของอเมริกา โดย WHO ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ , มหาวิทยาลัยบริสตอล มหาวิทยาลัย คอลเลจ ลอนดอน และมูลนิธิเอ็นเอชเอสทรัสต์ ครอบคลุมผู้ป่วย 10,930 ราย ในจำนวนนี้มี 6,449 รายได้รับหนึ่งในตัวยาดังกล่าว ขณะที่อีก 4,481 รายได้รับการรักษาแบบมาตรฐาน หรือได้รับยาหลอก 

ผลการวิเคาะห์ของ WHO ระบุว่า ความเสี่ยงจากการเสียชีวิตในช่วง 28 วันในผู้ป่วยที่ได้รับยารักษาโรคข้ออักเสบตัวใดตัวหนึ่งข้างต้น  ร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ จะอยู่ที่ 21% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบมาตรฐาน ซึ่งมีความเสี่ยงอยู่ที่ 25% และมีผู้ป่วยรอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 4 รายในผู้ป่วยกลุ่มนี้ทุกๆ 100 ราย 

กลุ่มนักวิจัยของ WHO ประเมินผลการรักษาและได้ข้อสรุปว่า การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง เข้าขั้นวิกฤตด้วยยาดังกล่าว จะช่วยยับยั้งอาการอักเสบ โดยยาจะทำปฏิกิริยาในการเข้าจับกับ interleukin-6 (โปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน) การรักษาด้วยวิธีนี้ จึงสามารถลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิต และการใส่เครื่องช่วยหายใจลงได้ 

นอกจากนี้ ข้อมูลยังระบุว่า ความเสี่ยงจากการต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตในผู้ที่ได้รับยารักษาโรคข้ออักเสบร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์นั้น อยู่ที่ 26% เมื่อเทียบกับ 33% ในผู้ที่ได้รับการรักษาแบบมาตรฐาน ซึ่งหมายความว่า ในผู้ป่วยทุกๆ 100 รายจะมีผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 7 รายโดยไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 

“เราได้ปรับแก้แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโดยให้ครอบคลุมวิธีการรักษาล่าสุดนี้ด้วย” เจเน็ต ดิแอซ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO กล่าว 

ขณะเดียวกัน WHO ยังเรียกร้องให้หลายฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศยากจน ซึ่งกำลังเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงไวรัสกลายพันธุ์ และขาดแคลนวัคซีน ให้สามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้มากขึ้น