WHO จับตา! “มิว” โควิดสายพันธุ์ใหม่ คาดมีแนวโน้มดื้อต่อวัคซีน



วันที่ 2 กันยายน 2564 น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ หรือ หมอเฉลิมชัย รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ Blockdit ส่วนตัว “ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย” โดยมีข้อความว่า..

ด่วน องค์การอนามัยโลก ประกาศว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชื่อ “มิว” มีแนวโน้มจะดื้อต่อวัคซีนหลากหลายชนิด จัดเป็นไวรัสที่ต้องจับตามอง (VOI)

ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกรายงานประจำสัปดาห์ แจ้งให้ทั่วโลกทราบว่า ได้เพิ่มเติมไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชื่อมิว( Mu) ให้อยู่ในกลุ่มไวรัสที่ต้องจับตามอง (VOI : Variant of Interest ) ซึ่งมีอยู่แล้ว 4 ชนิด มิวจึงจัดเป็นลำดับที่ห้า

เหตุผลที่ต้องจัดให้ไวรัสมิวอยู่ในกลุ่มที่ต้องจับตามอง เพราะจากการศึกษาตำแหน่งที่มีการกลายพันธุ์ของไวรัสชนิดนี้

ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ไวรัสจะดื้อต่อภูมิคุ้มกัน และสามารถเจาะระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ อันจะทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลง หรือดื้อต่อวัคซีนนั่นเอง

ไวรัสชนิดนี้ พบเป็นครั้งแรกที่ประเทศโคลัมเบีย ในเดือนมกราคม 2564 ขณะนี้แพร่ระบาดคิดเป็น 39% ของประเทศโคลัมเบีย และระบาดในประเทศเอกวาดอร์ 13% แต่ยังไปไม่มากนักในระดับโลก พบเพียง 0.1% แต่เคยระบาดเป็นกลุ่มก้อนในยุโรป สหรัฐอเมริกา และอเมริกาใต้มาแล้ว ไวรัสมิว นี้มีรหัสเรียกว่า B.1.621

องค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนของไวรัสชนิดนี้ว่า จะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด

การจัดกลุ่มของไวรัสก่อโรคโควิดแยกเป็นสองระดับได้แก่
กลุ่มที่น่าเป็นกังวล ( VOC : Variant of Concern ) มีสี่สายพันธุ์ ประกอบด้วย
อัลฟ่า พบกันยายน 2563
เบต้า พบพฤษภาคม 2563
แกมมา พบพฤศจิกายน 2563
เดลต้า พบตุลาคม 2563

ในขณะที่ไวรัสกลุ่มรองลงมาคือกลุ่มที่ต้องจับตามอง (VOI) ประกอบด้วย
1) อีต้า-Eta พบธันวาคม 2563
2) ไอโอต้า-Iota พบพฤศจิกายน 2563
3) แคปป้า-Kappa พบตุลาคม 2563
4) แลมป์ด้า-Lambda พบธันวาคม 2563

และลำดับที่ห้า สายพันธุ์ใหม่
ล่าสุดมิว พบเมื่อมกราคม 2564

ไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโควิด-19 เป็นไวรัสที่สร้างปัญหาให้ชาวโลกต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างมาก

เพราะตลอดระยะเวลา ตั้งแต่ธันวาคม 2562 เป็นต้นมา มีการกลายพันธุ์ไปแล้วอย่างน้อย 39 สายพันธุ์หลัก และอีกหลายสิบสายพันธุ์ย่อย

แต่ละสายพันธุ์ ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไป และมีโอกาสเป็นไปได้ ที่จะมีบางสายพันธุ์ ทั้งแพร่เร็ว ดุร้ายก่อให้เกิดอาการหนัก และดื้อต่อวัคซีน

ถ้าเราเจอไวรัสที่กลายพันธุ์ ในลักษณะอย่างนั้น โลกคงจะอยู่ในสถานการณ์วิกฤติของโรคระบาดครั้งใหญ่ทีเดียว

การลดความเสี่ยง ไม่ให้ไวรัสกลายพันธุ์ง่ายคือ การเร่งฉีดวัคซีนให้ไวรัส หยุดระบาดหรือกลายเป็นโรคประจำถิ่นธรรมดา และมีวินัยในการป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขนาดใหญ่ เพราะไวรัสจะกลายพันธุ์ได้มาก ถ้ามีการระบาดติดเชื้อกว้างขวางมาก