ลุ้น! ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ

ค่าแรงขั้นต่ำ 400 ทั่วประเทศ
ลุ้น! ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ


นโยบายสำคัญหนึ่งของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 600 บาทเท่ากันทุกพื้นทั่วประเทศภายในปี 70 แต่ในปีแรกของรัฐบาล จะขยับขึ้นก่อนเป็นวันละ 400บาททั่วประเทศ เพื่อซื้อใจแรงงานทั่วประเทศ

และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็ได้กำหนดนโยบายนี้ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเรื่อยมาถึง ..แพทองธาร ชินวัตร

ดังนั้น จึงจะเห็นภาพความพยายามของรัฐบาลจะผลักดันให้สำเร็จ เพื่อยกระดับรายได้ และคุณภาพของแรงงานไทย โดยหวังจะให้ประเทศไทยหลุดพ้น “กับดักรายได้ปานกลาง” สู่รายได้ระดับสูง ท่ามกลางการคัดค้านแบบ หัวชนฝา ของบรรดนายจ้าง

แต่วันที่ 12 ..นี้ จะเป็นวันชี้ชะตาทั้งของรัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง!!

เพราะ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน จะประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดไตรภาคี) ที่ประกอบด้วยตัวแทนจาก 3 ฝ่าย ทั้งรัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง และคาดว่า จะมีข่าวดีสำหรับลูกจ้าง แต่เป็นข่าวร้ายของนายจ้าง 

นายกฯเผยข่าวดีของขวัญปี 68

ทั้งนี้ ..แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.67 ว่า 

การประชุมคณะกรรมการไตรภาคีวันที่ 12 ..นี้ จากการสอบถามรมว.แรงงานน่าจะมีข่าวดีในปี 68 แน่นอน แต่จะได้ทั่วประเทศหรือไม่ ต้องรอดูในรายละเอียดก่อน แต่มีความเป็นไปได้สูง

ขณะที่ นายพิพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม. โดยยืนยันว่า ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท ต้องปรับขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว 

และการประชุมบอร์ดไตรภาคีวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หากทุกฝ่ายเห็นด้วย และผ่านความเห็นชอบ กระทรวงแรงงานจะเสนอครม.สัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบ และให้ทันเป็น ของขวัญปีใหม่ ปี 68 ให้กับลูกจ้าง!!

ส่วนกรณีที่นายจ้างคัดค้านนั้น  ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้หารือนอกรอบกับนายจ้างแล้ว ซึ่งกระทรวงแรงงานได้แนะแนวทางที่จะทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลกรณีที่นักลงทุนจะย้ายฐานออกจากไทย จากค่าแรงที่สูงกว่าเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการย้ายฐานออกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ก็มีส่วนที่เข้ามาลงทุนในไทย

กกร.ส่งหนังสือถึงนายกฯค้านหัวชนฝา

ในขณะที่ฟากรัฐบาลพยายามผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นผลสำเร็จ แต่บรรดานายจ้างกลับคัดค้านสุดลิ่ม

ล่าสุด คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ  ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 แสดงจุดยืนคัดค้าน การปรับขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ 

เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทย มีความผันผวนและเปราะบางจากภูปัญหามิรัฐศาสตร์ การจะขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ 400 บาท ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจ และสังคมในแต่ละพื้นที่ 

หากรัฐบาลปรับขึ้นจริง นายจ้างจะแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว ในที่สุดจะลดและเลิกจ้างงาน ซึ่งจะกระทบต่อความสมดุลของอัตราการว่างงานของประเทศ

โดยภาคที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด จะเป็นภาคที่ใช้แรงงานจำนวนมาก หรือใช้แรงงานเข้มข้น อย่างภาคเกษตร ภาคบริการต่างๆ ภาคการท่องเที่ยว ฯลฯ รวมถึงเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย

อีกทั้งยังเกิดการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการไทยและต่างชาติที่ลงทุนในประเทศ เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน จะทำให้ราคาสินค้าแพง ค่าครองชีพสูง และเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นสุดท้าย ประชาชนจะประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงเลย

ชงรัฐบาล 7 ข้อเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

อย่างไรก็ตาม กกร.ได้เสนอแนะแนวทางการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่ำรัฐบาล ดังนี้  
1.กกร.ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ เพราะจะทำให้นายจ้างลดขนาดกิจการ หยุดกิจการ ปรับธุรกิจออกนอกระบบภาษี และอาจเลิกจ้างงาน

2.การปรับขึ้นควรใช้กลไกไตรภาคี ซึ่งควรสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ที่ได้ศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ ทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ไว้แล้ว

3.การปรับค่าจ้างขั้นต่ำควรจะปรับเมื่อมีเหตุจำเป็น และปัจจัยทางเศรษฐกิจบ่งชี้ แต่ไม่ควรเกินปี ละ 1 ครั้ง และต้องดำเนินการตามกระบวนการ/ขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด  

4.หากต้องการขึ้นค่าจ้างแบบจำเพาะ ควรศึกษาความพร้อมของแต่ละประเภทกิจการในแต่ละพื้นที่ รวมถึงข้อจำกัด ข้อได้เปรียบเสียเปรียบ และศักยภาพในการแข่งขัน

5.สนับสนุนการจ่ายค่าจ้างตามทักษะฝีมือ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน 

6.รัฐบาลเร่งรัดประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแห่งชาติ ให้ครบ 280 สาขา จากปัจจุบัน 129 สาขา พร้อมขยายสาขาอาชีพมาตรฐานฝีมือ และค่าจ้างตาตมาตรฐานฝีมือให้ครอบคลุมสำหรับแรงงานไทย

7.ขอให้รัฐบาลดูแลค่าครองชีพเพื่อลดผลกระทบประชาชน เร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ เพื่อลดผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน

หอการค้าไทยแนะขึ้นเฉพาะอุตสาหกรรม

โดยก่อนหน้านี้ หอการค้าไทย  และสมาคมการค้าต่างๆ ที่ใช้แรงงานเข้มข้นมากกว่า 50 สมาคม ก็ได้ประกาศจุดยืนคัดค้าน โดยให้เห็นผลเช่นเดียวกับกกร.

พร้อมกับย้ำว่า แต่ละจังหวัด และแต่ละประเภทธุรกิจ มีความพร้อมของสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน การปรับอัตราค่าจ้างสูงกว่าความเป็นจริง จะทำให้ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการขนส่ง ต้นทุนการบริการ และต้นทุนการจ้างงาน ทั้งห่วงโซ่อุปทาน สูงขึ้น

“การขึ้นแรงงานขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ จะเป็นดาบสองคมของภาคธุรกิจ โดยบางธุรกิจสามารถปรับขึ้นได้ แต่บางธุรกิจอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบมากกว่าบวก จึงควรปรับขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีความพร้อม และใช้แรงงานคนไทยมากกว่าแรงงานต่างชาติ”

ขณะที่การรวบรวมข้อมูลจากผลการพิจารณาของ คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ประกอบด้วยตัวแทนนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐในจังหวัด ระบุว่า มากกว่า 90% ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ และ 30% มีมติไม่ขอปรับขึ้นค่าจ้าง

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยืนยันที่จะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงกระบวนการ และหลักเกณฑ์ในการพิจารณาตัวเลขการปรับที่เหมาะสมแล้ว

ภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ จำเป็นที่จะต้องรักษาสิทธิในการดำรงไว้ของหลักนิติธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนที่มีส่วนได้เสียกับนโยบายนี้ 

รอดูผลการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคีวันที่ 12 ..นี้ หากออกมาไม่ถูกใจ ได้เห็นภาคเอกชนเป็นเด็กดื้อแน่นอน!!

พรรคเพื่อไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ แพทองธาร พร้อมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ เป็นของขวัญปีใหม่ 68