สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดเสวนารับมือข่าวลวงออนไลน์ ทำสังคมลังเลฉีดวัคซีน

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดเสวนารับมือข่าวลวงออนไลน์ ทำสังคมลังเลฉีดวัคซีน
จัดเสวนา หัวข้อ “ข้อมูลบิดเบือนบนสังคมออนไลน์ ส่งผลต่อการตัดสินใจรับวัคซีนอย่างไร”


สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดการประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ภายใต้แนวคิด “วัคซีนภายใต้บริบทโลกไร้พรมแดน” เมื่อวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2567

ภายในงานมีการจัดเสวนา หัวข้อ “ข้อมูลบิดเบือนบนสังคมออนไลน์ ส่งผลต่อการตัดสินใจรับวัคซีนอย่างไร”

โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ สื่อสารมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพ มาร่วมพูดคุยถึงการรับข้อมูลข่าวสาร และหาแนวทางการจัดการหรือการให้ข้อมูลการรับวัคซีนที่ถูกต้องแก่ประชาชน

ข่าวลวง หรือ Fake News ทำให้เกิดความสับสนว่าข้อมูลไหน จริงหรือเท็จ

นายพีรพล อนุตรโสตถิ์ ผู้จัดการศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เผยว่า ก่อนเกิดโควิด-19 ข้อมูลที่บิดเบือนมักเป็นเรื่องความเชื่อด้านการเมืองหรือศาสนา แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 เกิดข่าวลวงมากสุดเป็นประวัติการณ์

โดยเฉพาะข้อมูลสุขภาพและวัคซีน ถูกบิดเบือนสร้างข้อมูลเท็จ โดยการสร้างผู้เชี่ยวชาญปลอม สร้างข้อมูลอ้างอิงปลอม ปิดบังหลักฐาน และทฤษฎีสมคบคิด ส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือนนี้สู่วงกว้างผ่านคนดังที่มีผู้ติดตาม จนทำให้เกิดความสับสนยิ่งขึ้นว่าข้อมูลไหนจริง ข้อมูลไหนเท็จ

แนะใช้หลัก Knowledge-Attitude-Action ในการสื่อสาร

ขณะที่ รศ. ดร.วรัชญ์ ครุจิต อาจารย์ประจำ คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ จากนิด้า อดีตที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารของ ศบค. ช่วงสถานการณ์โควิด-19 กล่าว การสื่อสารในยุคปัจจุบันมีความเร็ว ข้อมูลมีจำนวนมาก และการมาถึงของ AI ยิ่งทำให้ผู้ที่ปล่อยข้อมูลบิดเบือนผลิตคอนเทนต์ได้หลายรูปแบบ ส่งผลให้คนไทยตกเป็นเหยื่อข้อมูลเท็จ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีน

ดังนั้น ควรมีวิจารณญาณในการเสพสื่อ และแนะนำให้สื่อสารกับผู้ปฏิเสธวัคซีน โดยใช้หลัก KAP (Knowledge-Attitude-Action) เริ่มจากให้ความรู้ ปรับทัศนคติ และนำไปสู่การกระทำ หลีกเลี่ยงการขู่ แต่ควรให้ข้อมูลตามจริงว่า วัคซีนแม้ไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ช่วยลดความรุนแรงของโรค อีกทั้งยังควรสื่อสารในรูปแบบที่สนุก น่าสนใจ ไม่เครียด

องค์การอนามัยโลก (WHO) เผย ข่าวลวงเกี่ยวกับวัคซีนมี 5 ประเภท

  1. โรคระบาดไม่รุนแรง
  2. คนที่เชิญชวนให้รับวัคซีนไม่น่าเชื่อถือ
  3. มีวิธีอื่นที่รักษาโรคได้
  4. วัคซีนขาดประสิทธิภาพ และ
  5. วัคซีนมีอันตรายต่อร่างกาย ความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ทำให้คนลังเลในการพิจารณารับวัคซีน ส่งผลให้โรคยิ่งแพร่กระจาย

นำเสนอข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยไม่ใส่ความรู้สึกส่วนตัวลงไป

นพ.ทรงเกียรติ อุดมพรวัฒนะ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพุทธชินราช แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “Infectious ง่ายนิดเดียว” กล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ความเชื่อผิด ๆ ในการรับวัคซีนส่งผลกระทบรุนแรง เมื่อเกิดความเข้าใจผิดเรื่องวัคซีนที่เด็กเล็กควรได้รับ หลายคนเลือกไม่รับวัคซีนเพราะประสบการณ์ส่วนตัว เช่น กลัวเจ็บ กลัวเข็มฉีดยา เป็นต้น

ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์จึงต้องเน้นย้ำความสำคัญของการให้วัคซีนแก่เด็ก ต้องคำนึงในการให้ข้อมูลทางการแพทย์ โดยนำเสนอข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ปราศจากความรู้สึกส่วนตัว

ควรเลือกรับข่าวสารจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขโดยตรง

นาวาโท นพ.อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กล่าวถึงการชันสูตรผู้ที่เสียชีวิตหลังรับวัคซีน

พบว่า ร้อยละ 99 ของผู้เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด ไม่ได้เสียชีวิตเพราะวัคซีน ผู้รับสารจึงควรเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข ทั้งในระดับประเทศและในระดับสากลโดยตรง เช่น ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก

ทั้งนี้ พญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล รองผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัคซีนมีความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านสาธารณสุข

การเปิดเผยข้อมูลเท็จและส่งเสริมข้อมูลที่ถูกต้อง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในหน่วยงานสาธารณสุข เพิ่มอัตราการรับวัคซีนและควบคุมโรคได้ ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้ เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เรารอดพ้นวิกฤติจากการหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือนเหล่านี้ พญ.สุเนตร กล่าวทิ้งท้าย

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เตือนภัย!โรคหัดและไอกรน เป็นโรคติดต่อร้ายแรงแต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน