แบ่งเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จับตายัดไส้ นายทุนกินรวบ

แบ่งเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน


เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน เรื่อง การกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว ปรับปรุงแนว แบ่งเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี พ.ศ. 2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อย และเกิดกระแส #saveทับลาน

พบว่ามีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น 947,107 คน แบ่งเป็นเห็นด้วย  45,215 เสียง และไม่เห็นด้วย 901,892 เสียง ถือว่ายอด “ไม่เห็นด้วย” กับการจะยึดแนวแบ่งเขตปี2543 ถล่มทลาย ผู้มีหัวใจรักษ์ผืนป่าร่วมกันแสดงพลังต่อต้าน เพราะหากยึดตามแนวแบ่งเขตดังกล่าวจะทำให้ประเทศเสียพื้นที่ป่าทับลานไป 160,000 ไร่ จากทั้งหมดที่มีอยู่ 1.3 ล้านไร่

เกิดเป็นปรากฏการณ์ติดเทรนด์ในแอปพลิเคชันเอ็กซ์ #saveทับลาน กลายเป็นประเด็นของสังคมที่ถกเถียงกันจำนวนมาก กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวเตือนสติ “กลุ่มอนุรักษ์ทับลาน” ไม่ใช่เอาแต่รักษาป่า ดูด้วยว่าตรงนั้นเป็นป่าเขียวขจี เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหรือไม่

เพราะความเป็นจริงที่ตรงนั้นไม่หลงเหลือความเป็นป่าแล้ว แต่มีประชาชนดั้งเดิมอาศัยมานานก่อนที่จะมีประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติด้วยซ้ำ ฉะนั้น กรุณาอย่าหลับหูหลับตา #saveทับลาน อย่างเดียว

สงครามประสาทด้อยค่ากลุ่ม #SAVEทับลาน

บางคนมาแนวด้อยค่ากลุ่มอนุรักษ์ ตั้งคำถามว่า รู้หรือยังทับลานอยู่ที่ไหนของประเทศไทย บ้างถามว่ารู้หรือยังที่บอกว่าเป็นป่า ไม่ใช่ป่าแล้ว มีแต่บ้านของชาวบ้าน

ที่สำคัญ มีการโจมตีฝ่ายอนุรักษ์ ซึ่งมีกรมอุทยานฯเป็นหัวหอก ว่าเจตนาปกปิด บิดเบือนข้อมูลในการรณรงค์ว่า พื้นที่ที่เสียไปนั้น ยังคงเป็นป่าอุดมสมบูรณ์

นอกจากนี้ ก็ยังไปสัมภาษณ์ประชาชนในพื้นที่ ที่เป็นผู้เสียประโยชน์ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น “เห็นด้วย” กับการใช้เส้นแบ่งเขตปี2543 เพราะต้องการมีที่ดิน สปก. มีกรรมสิทธิ์เป็นของตัวเอง ยิ่งขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายแปลงจากที่ดิน สปก. เป็นโฉนด สปก. ก็ยิ่งเห็นด้วย100เปอร์เซ็นต์

คนในพื้นที่เอาด้วยยึดแนว แบ่งเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ปี2543

 รัฐบาล โดย “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกโรงการันตีเองว่า เมื่อเป็นโฉนด สปก. แล้วสามารถนำไปจำนอง เปลี่ยนสินทรัพย์เป็นทุนได้!!!!

แต่จะตำหนิหรือต่อว่าชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้ ก็ในเมื่อความยากจนมันน่ากลัว และเขาต้องการความมั่นคงในชีวิต อย่างน้อยๆมีที่ทาง มีบ้านเป็นของตัวเอง ก็อุ่นใจ ดีกว่าอาศัยอยู่ในที่ดินที่รัฐอนุญาตให้ทำมาหากิน แม้กฎหมายรับรองให้อยู่ได้ แต่ไม่อุ่นใจและปลอดภัยเท่ากับ มีกรรมสิทธิ์เป็นของส่วนตัว

เท่ากับว่ารัฐบาลมี “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” เป็นแรงสนับสนุน ส่วนหน่วยงานราชการ อย่างเช่น กรมอุทยานฯ ที่ออกมาเคลื่อนไหว มีประชาชนนอกพื้นที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้

สำหรับ “อุทยานแห่งชาติทับลาน” กินพื้นที่หลายจังหวัด แต่จุดที่เป็นปัญหา ได้แก่ อ.ปักธงชัย อ.เสิงสาง และต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา โดยโซนวังน้ำเขียวนอกจากมีพื้นที่ชาวบ้านแล้ว ยังมีพื้นที่ที่นายทุนลุกนำไปทำโรงแรม รีสอร์ท

ส่วนอ.เสิงสาง เป็นพื้นที่คอมมิวนิสต์เก่า และทางการได้อนุญาตให้อยู่ทำกิน แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา “พรรคก้าวไกล” หาเสียงไว้ว่าจะทำตรงจุดนี้ให้เป็น สปก.

กลุ่มทุนเอาประโยชน์ชาวบ้านบังหน้า

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของหน่วยราชการตั้งแต่ที่มีประกาศกรมอุทยานฯ ทับซ้อน พื้นที่ชาวบ้าน ที่อยู่ตั้งแต่บรรพบุรุษ หรือก่อนที่จะมีประกาศกรมฯ พื้นที่ที่มีข้อพิพาท มีอยู่เพียง 50,000กว่าเกือบ 60,000ไร่ โดยประมาณ

ทำให้ตอนนี้หลายคน จึงตั้งคำถามว่า 260,000 ไร่ คือที่ดินของชาวบ้านดั้งเดิมทั้งหมดจริงหรือ??? อีกทั้งมีการเปรียบเทียบการลากแนวเส้นแบ่งเขตระหว่างปี2524 กับปี2543 พร้อมตั้งคำถามว่าเส้นของปี2543 ลากเส้นเอื้อประโยชน์แก่นายทุนด้วย โดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนเพียง 50,000 กว่าไร่มาเป็นเกาะกำบัง แล้วยัดไส้พื้นที่ของตนเองที่บุกรุกไว้แล้วเข้าไปด้วย

ตัวอย่างที่พูดกันมาก ก็คือล่าสุด “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ เพิ่งโพสต์เฟซบุ๊กเปิดภาพมุมสูงของอุทยานแห่งชาติทับลาน พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ภาพมุมสูง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นที่อยู่/อาศัย ของราษฎรจริงหรือ และใครคือเจ้าของ?”

บทสรุป ทางออกในขณะนี้ที่ดูจะมีน้ำหนักไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต้องยกให้แก่ข้อเสนอของ “มูลนิธิสืบนาคะเสถียร” ที่แบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

  • กลุ่มที่ 1 เป็นราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศอุทยานแห่งชาติฯ ทับที่ดิน ควรได้รับการแก้ไขเป็นอันดับแรก โดยการหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการ เนื้อที่ประมาณ 60,000 ไร่
  • กลุ่มที่ 2 ที่อยู่หลังการประกาศอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปี 2557 ก็ผ่อนปรนให้สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ ตามมาตรา 64 พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เนื้อที่ประมาณ 80,000 ไร่
  • กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มทุน ที่ดินที่ซื้อขายเปลี่ยนมือ เปลี่ยนแปลงพื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ และคนที่บุกรุกพื้นที่หลังปี 2557 เนื้อที่ประมาณ 125,000 ไร่
  • งานนี้ รัฐบาลรู้ ข้าราชการรู้ รู้ข้อมูลทั้งหมด จะเหลือก็แต่ความใจจริง ความซื่อสัตย์ และความเอาจริง จะจัดการกี่โมง เมื่อไหร่ เพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่อย่างผาสุก และไม่ตกเป็นเครื่องมือของนายทุนอีก กล้าทำไหม

เอสเปรสโซ

อุทยานแห่งชาติทับลาน