

อดีตนายกฯ ทักษิณฉลองวันเกิด ในเมืองไทยครั้งแรกในรอบ 17 ปี เผยมีความสุขที่สุด แต่ยังเป็นห่วงบ้านเมือง ห่วงชาวบ้านที่ลำบาก ชี้ปัญหาเศรษฐกิจไทย เกิดจากการขาดความเชื่อมั่น ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ ต้องเสกคาถาเรียกเงินกลับมาให้ได้ เช็คแล้วมั่นใจพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 ได้ไม่ยาก หลังจากนี้รัฐบาลจะทยอยปิดงาน ผลงานจะชัดเจนขึ้นเอง
ทักษิณฉลองวันเกิด เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าทำบุญเลี้ยงพระ
วันนี้(26 กรกฎาคม 2567) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าให้สัมภาษณ์ หลังจัดงานทำบุญเลี้ยงพระวันเกิดครบรอบอายุ 75 ปี
นายทักษิณกล่าวว่า ได้นิมนต์พระที่เคารพนับถือมา ทำบุญ สวดให้พร หลังถวายเพลพระ แล้วรับประทานอาหาร ร่วมกับทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ ญาติพี่น้อง โดยเมื่อคืนก่อนมีงานเลี้ยงกับคุณต๊อบ (อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการบริหารของคิง เพาเวอร์) อีกคืนนึงก็มีเพื่อนฝูงเลี้ยงให้
เผยมีความสุขมากในรอบ 17 ปี ลูกๆซื้อเปียโนให้ แต่เล่นไม่เป็น
นายทักษิณกล่าวว่า มีความรู้สึกเหมือนทุกๆคน อยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนอยู่บ้าน อยู่บ้านเรามีครอบครัว มีเพื่อนฝูงมีอาหาร มีวัฒนธรรม มีสิ่งแวดล้อม ที่เราเติบโตและเคยชินมา วันเกิดปีนี้มีความหมายและมีความสุขมาก ในรอบ 17 ปี เพิ่งได้จัดวันเกิดในประเทศไทย ที่สำคัญ อีก 2 วัน ก็จะเป็นวันสำคัญของคนไทยแล้ว ก็เลยมีความสุขมาก ได้อยู่เมืองไทยมีโอกาสร่วมเฉลิมฉลอง 72 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับคนไทยด้วย
ในวัยนี้ สุขภาพมีค่าที่สุด ทุกคนที่อายุเกิน 55 ปีขึ้นไป ต้องเริ่มดูแลเรื่องสุขภาพ เพราะจะสำคัญที่สุดกับชีวิตเรา ถ้าเรามีพลังอยู่แล้ว ก็สามารถทำงานให้บ้านเมืองได้มาก ถ้าเรายังรักษาร่างกายเรา สมองแจ่มใส จะช่วยบ้านเมืองได้ ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์
“มันเป็นความอิ่มใจ ลูกหลานเต็มบ้าน น้องๆก็มากันเต็ม ก็มีความสุข มันเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีมีความสุข ลูกๆเห็นทางเข้าบ้านไม่สวยก็เลยรวมตังค์กันไปซื้อเปียโนมาให้ บอกพ่อจะได้ไม่เหงา เล่นเองไม่เป็นก็ให้ผีเล่นให้” นายทักษิณกล่าว
ยังเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชน และเศรษฐกิจ จะพลิกฟื้นให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่จะพ้นมลทินในวันที่ 22 ส.ค.นี้ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มีโอกาสจะรับตำแหน่งอะไรทางการเมือง เพราะทุกวันนี้มีเงินเดือน 700 บาท อย่างไรก็ตาม คนเคยเป็นอดีตนายกฯ มา ก็คิดถึงบ้านเมือง ห่วงบ้านเมือง ห่วงประชาชน มีอะไรที่คิดว่า แนะนำได้ ก็จะทำผ่านช่องทางทางการเมือง เพื่อให้ได้ไปแก้ไขปัญหาประชาชนได้อย่างจริงจัง ไม่ต้องมีตำแหน่งอะไร คิดว่า เป็นการที่พ่อให้คำปรึกษาลูกดีกว่า
“ผมก็เป็นห่วงบ้านเมือง ห่วงเศรษฐกิจ วันนี้ชาวบ้านลำบาก กำลังช่วยกันคิดว่า จะพลิกฟื้น ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำลังคิดกันอยู่ สถานการณ์วันนี้ ของประเทศ ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมา เพราะว่าพอประเทศขาดความเชื่อมั่น ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือความไว้วางใจเป็นเรื่องสำคัญ
ดังนั้นต้องเรียกกลับคืนให้ได้ ถ้าเรียกกลับคืนได้ เงินก็จะไหลมาเอง ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความน่าเชื่อถือ เงินก็จะหายหมด แล้ววันนี้ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะเราจำเป็นต้อง เสกคาถาเรียกเงินกลับเข้ามาให้ได้” อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
“ปฏิญญาเขาใหญ่” ไม่มีอะไรในกอไผ่ ต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ
นอกจากนี้นายทักษิณ ยังกล่าวถึง การพบกับนักการเมือง และนักธุรกิจ ที่เขาใหญ่ด้วยว่า วันนั้นไม่ได้คุยเรื่องการเมืองเลย เป็นการพูดคุยล้อเล่นกันสนุกสนาน เพราะเป็นคนที่สนิทสนมกันมานาน ร้องเพลงกันผ่อนคลาย
“สำคัญที่สุดคือ อันนี้จะเล่าให้ฟังนิสัยผม ถ้าผมเป็นนักธุรกิจน่ะ ถ้าต้องกู้เงินธนาคารเวลาไปกินข้าว เราไม่ค่อยคุยงาน คุยเรื่องมโนสาเร่ ดินฟ้าอากาศ ครอบครัว ถ้าจะคุยงานจริงจัง บางทีของหวานมาก็คุยแป๊บเดียวสั้นๆ แต่ว่าเที่ยวนี้ไม่มีของหวานเลยไม่ได้คุยเลย มันอิ่มก่อน อิ่มก่อนไม่มีของหวาน เลยลืมพูดเรื่องการงาน พูดแต่เรื่องมโนสาเร่
เรื่องมองเป็นปฏิญญาเขาใหญ่ไม่มีหรอกครับ ปฏิญญานี่ทำให้ผมวุ่นวายมารอบนึงแล้ว ปฏิญญา มันไม่มีอะไรเลย ขอให้คิดว่า ผมถึงแม้จะเป็นนักการเมืองเก่า แต่ว่าหน้าที่ของผมคือสร้างความปรองดอง เพื่อให้การเมืองแข็งแรงแล้วบ้านเมืองไปได้ มากกว่าจะทำหน้าที่อื่นๆ หลายคนเคยทำงานร่วมกันมา การที่ผมไป กินข้าวเฮฮาด้วย ก็เกิดความสามัคคีกันมากขึ้น เวลา มีเรื่องเข้าใจผิดกัน ก็กลับมานั่งคุยกันก็จบ วันนี้ เฉพาะแค่การแข่งขัน กับต่างประเทศก็หนักถ้าไม่สามัคคียิ่งไปเลยต้องทำให้ความสามัคคีเกิดขึ้นในชาติให้ได้” นายทักษิณกล่าว
ไม่มีอะไรน่ากังวล ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดี เศรษฐา 14 สิงหานี้
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย การสิ้นสุดตำแหน่งรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณี 40 สว.ร้องให้วินิจฉัย เรื่องการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ 14 สิงหาคมนี้ นาย ทักษิณกล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร ที่เป็นเรื่องน่ากังวล เพราะนายกฯทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา เชื่อว่าชี้แจงได้หมด ไม่มีอะไรน่ากังวล ตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่ามีแผนสำรองไว้หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องมีแผนสำรอง ผมก็เป็นนายกฯไม่ได้แล้ว หมดเวลาทำงาน แก่แล้ว หมดอายุ หมดเวลาทำงาน นอกจากขาดคุณสมบัติแล้ว ก็หมดเวลาทำงาน มีหน้าที่ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ”
ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีโซเชียลแชร์เพลงคิดถึงลุงตู่ นายทักษิณตอบว่า “แล้วใครเปิดเหรอครับ ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ลุงตู่ท่านเป็นองคมนตรี ท่านไม่กลับมาการเมืองแล้ว อย่าไปทำให้ท่านเสีย”
การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไร น่าจะทำได้อยู่ ตนเองจะพูดเปิดทาง วิสัยทัศน์ที่มี เพื่อให้ทุกฝ่ายหันมาดูว่า ประเทศไทยควรจะไปในทิศทางไหน เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับต่างประเทศ และคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ เด็กรุ่นใหม่เขาเป็นคนซึ่งมองรอบด้าน และมองแล้วว่าเอ๊ะ มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมือง ยกตัวอย่าง เช่น เขากำลังเรียนหนังสืออยู่ เห็นคนที่เรียนจบมาไม่มีงานทำ เขาก็ท้อถอย เขาเรียนจบ เขาเห็นคนที่เรียนเก่ง ไม่มีปัญญาซื้อบ้าน ก็ท้อถอย อันนี้เราต้องกลับมา ให้เขาเป็นพลังให้ประเทศ
ทักษิณเชื่อ หลังจากนี้ผลงานรัฐบาลจะชัดเจนขึ้น หลังปิดงานได้
เช็คแล้วพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับ1 ได้ไม่ยาก
“วันนี้ทุกคนต้องเป็นพลังให้ประเทศ เชื่อว่าหลังจากนี้แล้ว รัฐบาลก็ทำไปเยอะแล้ว แต่ว่าทำไปแล้วยังปิดไม่ลงตัว ก็หลังจากนี้ไปก็เริ่มทยอยปิดงาน เมื่อปิดงาน ผลงานก็จะชัดเจนขึ้น การแก้ปัญหาดีขึ้น พรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 โดยไม่ยากนัก ผมเช็คแล้วว่าไม่ยากนัก ไม่อยากให้กองเชียร์ต้องกังวล
ส่วนร.ต.อ.เฉลิมอย่าไปพูดถึงเขาเลย สงสารเขา ท้าดีเบตไม่ต้องหรอก ผมสงสารเขาอ่ะ เขาอายุเยอะแล้ว อย่าไปพูดถึงเขาเลย ผมก็อายุเยอะแล้ว เขาก็อายุเยอะกว่า”
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก็บินไปฉลองวันเกิดกับพ่อทุกปี แล้วก็อวยพรทุกปีว่า ขอให้ปีหน้าได้กลับมาอยู่เมืองไทยในที่สุดก็เป็นจริงสักที
“ทุกคนที่มาวันนี้ จริงๆแล้วก็ได้ไปหาคุณพ่อมาตลอดระยะเวลา 17 ปี รู้สึกว่าวันนี้ ท่านน่าจะมีความสุข ที่ได้อยู่ตรงนี้ แล้วก็มีคนที่รักกันมา support กันมายาวนาน ทุกอย่างมันกลับไปอยู่ที่ใจมันก็สำคัญที่สุดแล้ว” น.ส.แพทองธารกล่าว