เศรษฐา ประกาศ 8 วิสัยทัศน์ประเทศไทยต้องเป็นหนึ่ง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

เศรษฐา ประกาศวิสัยทัศน์ประเทศไทยต้องเป็นหนึ่ง 8 ด้าน “IGNITE THAILAND จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”

  • ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลาง
  • เมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก

วันนี้(22ก.พ.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision ที่ทําเนียบรัฐบาล มุ่งเป้าพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุม 8 ด้าน ประกอบด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

  • วิสัยทัศน์แรก ประกาศตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ประเทศไทยมีขนาดพื้นที่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมา เยือนอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับคนไทยกว่า 1 ใน 3 ของจํานวนประชากร คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของงบประมาณรายจ่ายประจําปี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

ต้องเฟ้นหา Soft Power ชูจุดขายที่เป็นเสน่ห์ของ ประเทศไทย ให้โดดเด่นในสายตาประชาคมโลก ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม งานเทศกาล คอนเสิร์ต งาน ภาพยนตร์ งานศิลปะ อาหาร วัฒนธรรม และที่น่าจับตามองคือ กีฬา และศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ ของคนไทย รวมถึงจะผลักดันบางจังหวัดให้เป็นมรดกโลก อย่าง จังหวัดน่าน และรัฐบาลจะเปิดอิสรภาพสู่ การเดินทางระดับภูมิภาค อํานวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ปลดล็อกทุกข้อจํากัด การส่งเสริมการท่องเที่ยวงเมืองหลัก เมืองรองต้องพัฒนาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว

  • วิสัยทัศน์ที่ 2 ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) รัฐบาลจะ ผลักดันอุตสาหกรรมสาธารณสุข ให้เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจรของโลก ด้วยเพราะระบบการ รักษาพยาบาลของประเทศไทยมีชื่อเสียงระดับโลก จากข้อมูลในปี 2566 พบว่า การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ สร้างเม็ดเงินได้กว่า 40,000 ล้านบาท และจะผลักดันการแพทย์แผนไทย นวดแผนไทย สปาแผนไทย สมุนไพร รวมทั้ง จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ทําใบรับรองประกาศนียบัตร และผลักดันให้ไปเปิดศูนย์ Wellness Center ได้ในต่างประเทศ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

  • วิสัยทัศน์ที่ 3 ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) รัฐบาลจะยกระดับการผลิต อุตสาหกรรมการเกษตร ทําให้ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋าต้องมีเงิน” ดูแล ความมั่นคงทางอาหารของโลก พร้อมเป็นครัวของโลกที่สามารถปรุงอาหารทุกประเภทส่งออกไปยังตลาดโลก ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เกษตรกรขึ้น 3 เท่าจากปัจจุบัน ข้อมูลจากสํานักงานด้านประชากรของ องค์การสหประชาชาติ ยังได้คาดการณ์ว่าในปี 2593 ทั่วโลกจะมีจํานวนประชากรทั้งหมดเกือบ 10,000 ล้านคน ซึ่งมากกว่าในปัจจุบันเกือบ 2,000 ล้านคน เมื่อมีจํานวนประชากรเพิ่มขึ้นก็ย่อมต้องการอาหารมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งไทยสามารถผลิตอาหารได้ตั้งแต่ต้นน้ำในภาคเกษตรกรรม จนไปถึงการแปรรูปส่งออกไปยัง ตลาดโลกได้ โดยรัฐบาลจะพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต การวิจัยพัฒนาอาหารโปรตีนสูงจากพืช
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

  • วิสัยทัศน์ที่ 4 ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญที่จะขับเคลื่อน เศรษฐกิจทั่วโลกให้เชื่อมถึงกัน ด้วยจุดแข็งทางภูมิศาสตร์รายล้อมไปด้วยประชากรกว่า 280 ล้านคน ติดอันดับ 5 ของประชากรโลก และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว ทํางาน ในทุกระดับ ทุกราคาที่เลือกได้ รัฐบาลมีแผนจะพัฒนาสนามบินให้รองรับการ Transit ของสายการบิน และเตรียมปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตารางบินให้เหมาะสม เพื่อเพิ่ม Transit Capacity ให้สูงขึ น เนื่องจากประเทศไทยมีระยะทางไปยัง ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจได้ทั่วโลกใกล้กว่าประเทศเพื่อนบ้าน มีสนามบิน ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง
  • วิสัยทัศน์ที่ 5 ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) รัฐบาลจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มศักยภาพระบบคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ โดยรัฐบาลมีแผนจะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ กระจาย ความเจริญจากเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก ตั้งแต่การปรับปรุงสนามบินทั้งระบบ ขยายถนนทั้งถนนหลัก ถนนรอง ในปี ซึ่งภายในปี 2593 จะต้องขยายทางหลวง Motorway 10 เท่า จากปัจจุบัน 250 กิโลเมตร ให้เป็นเกือบ 2,500 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดิน 4 เลน จาก 20,000 กิโลเมตรให้เป็น 23,000 กิโลเมตร เชื่อมต่อตั้งแต่ ชายแดนภาคเหนือที่ติดกับเมียนมาร์ สปป.ลาว เชื่อมต่อไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

ส่วนระบบราง จะพัฒนารถไฟรางคู่ เพิ่มระยะทางอีก 2,000 กิโลเมตร ซึ่งจะทําให้ระบบรางระหว่างเมืองมีระยะทางรวม  5,500 กิโลเมตรภายในปี  2573ในส่วนของระบบรถไฟฟ้าทั้งกรุงเทพฯ และภูมิภาคจะมีระยะทางเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร มีรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสู่ 3 สนามบินและจะเชื่อมไปยัง ชายแดนหนองคายพร้อมทั้งเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบัง สําหรับส่งสินค้าจากอุตสาหกรรมหนัก  อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมอาหาร เปิดตัวเป็นศูนย์กลางคมนาคม ของอาเซียน เชื่อมจีน ยุโรป

และเป็นศูนย์กลางขนส่งผ่าน Land Bridge เชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรอันดามัน-อ่าวไทย ซึ่งการ ลงทุน Mega project ในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนใหญ่ในรอบ 20 ปี

  • วิสัยทัศน์ที่ 6 ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) รัฐบาลตั้งเป้าให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต มีเป้าหมายจะได้แผนการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท ได้หารือพูดคุยกับบริษัทยานยนต์ไปมากกว่า 10 ราย และมีการตอบรับจะลงทุนในประเทศไทยแล้ว มากกว่า 150,000 ล้านบาท
  • วิสัยทัศน์ที่ 7 ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) รัฐบาลตั้งเป้าดึง อุตสาหกรรมแห่งอนาคต Digital for all Technology Innovation AI ให้มาขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยี High Tech ต่าง ๆ ทั้งการลงทุนโรงงานผลิต Semiconductor, การตั้งศูนย์ Data Center รองรับ Cloud Computing, การวิจัยและนํา AI มาใช้งานในประเทศไทย รวมถึงดึงบริษัท Deep Tech ให้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยด้วยเช่นกันผ่านโมเดล Sandbox ซึ่งรัฐบาลจะมีเงินสนับสนุนบริษัทที่ ต้องการผ่านกองทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และจะทํา Matching Fund เติมทุนให้กับบริษัท ที่มีศักยภาพด้วย และในขณะเดียวก็เตรียมปรับกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการตั้งบริษัท
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

  • วิสัยทัศน์ที่ 8 ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) รัฐบาลตั้งเป้าจะเปลี่ยนให้ไทยเป็น Financial Center of Southeast Asia ขับเคลื่อนโดยระบบการเงินที่แข็งแกร่ง ดึงสถาบันการเงินระดับโลก เข้ามาลงทุน สร้างย่านการเงิน Wall Street ของอาเซียนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และพัฒนาInfrastructure รองรับระบบการเงินแห่งอนาคตขับเคลื่อนด้วย Blockchain ที่ไร้ตัวกลาง และเตรียมปลดล็อก Digital Asset ต่าง ๆ ให้สามารถแปลงเป็นผลผลิตในโลกแห่งความเป็นจริง รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างสินทรัพย์ในโลก ปัจจุบันให้มาอยู่บนโลกดิจิทัลได้อีกด้วย นอกจากนี้รัฐบาลจะเริ่มพัฒนาระบบการเงินเพื่อความยั่งยืน Carbon Credit Trading ซึ่งในอนาคตจะมีความสําคัญมากยิ่งขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประกาศ วิสัยทัศน์ Thailand Vision

“การจะทําทุกอย่างให้สําเร็จได้นั้น มีเป้าหมายอย่างเดียวคงไม่พอ การเป็นศูนย์กลางต่างๆ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคน เป้าหมายความเจริญทางเศรษฐกิจ จะต้องมาพร้อม กับการพัฒนาทางสังคมด้วยกระบวนการทํางานต่าง ๆ ของภาครัฐ (Transparency) โครงสร้างพื้นที่จับต้องได้ และทางสังคมจะต้องมีการปรับปรุง มีความปลอดภัย (Safe & Security) ปราศจากอาชญากรรม และยาเสพติดทุกรูปแบบ ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย และ พลังงาน สะอาด (Green Society) ประชาชนและภาคธุรกิจจะต้องเข้าถึงพลังงานสะอาดและราคาถูก” นายกรัฐมนตรีกล่าว