Temu ความน่ากลัวของการครอบงำอีคอมเมิร์ซในยุคใหม่

หวัง เจิง ผู้ก่อตั้ง Temu อดีตพนักงาน Google สู่มหาเศรษฐีร่ำรวยที่สึดอันดับหนึ่งในจีน
หวัง เจิง ผู้ก่อตั้ง Temu อดีตพนักงาน Google สู่มหาเศรษฐีร่ำรวยที่สึดอันดับหนึ่งในจีน


ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชื่อของ Temu (เทมู) หนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ได้เป็นประเด็นถกกันอย่างมาก สำหรับการเข้ามาขยายตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 

ด้วยการวาดภาพสิ่งที่น่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะผลกระทบกับผู้ประกอบการชาวไทย โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกซึ่งปกติได้รับผลกระทบจากแพลตฟอร์มชั้นนำที่ดำเนินการอยู่ไม่ว่าจะเป็น Shopee หรือ Lazada แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการท้องถิ่นยังสามารถเข้าไปเปิดร้านในแพลตฟอร์มนี้ได้

ขณะที่ภาครัฐเพิ่งตื่นออกกฎหมายเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการช้อปปิ้งออนไลน์มูลค่าเกิน 1,500 บาท ได้เริ่มเห็นสัญญาณอันตรายเตรียมแทคทีมหลายกระทรวงเพื่อหามาตรการรับมือจากแรงกระแทกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ความน่าสะพรึงกลัวของTemu นี้ก็จะคือจุดขายสำคัญการใช้โมเดลธุรกิจที่นำเสนอการขายสินค้าในราคาต่ำที่สุด เชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อกับโรงงานผลิต และตัดคนกลางออกไป

ขณะที่ยังได้ให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์แบบใหม่ เมื่อคลิกเข้าไปในแอปจะมีเกมให้เล่นเพื่อให้ส่วนลด ซึ่งดูแล้วมีความสนุกสนาน ในขณะที่นำปัญญาประดิษฐ​N (AI) มาประยุกต์ ใช้เพื่อติดตามและเรียนรู้พฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า

แน่นอนว่าการเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย เริ่มแรกได้ให้โปรโมชั่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งฟรี นโยบายการคืนสินค้าได้ภายใน  3 เดือน การให้ส่วนลดสูงสุด 90%  เมื่อช้อปปิ้งตามกำหนด

ความสำเร็จของTemu ที่กลายเป็นความน่าสะพรึงกลัวของผู้คนทำธุรกิจ แต่เป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค และโอกาสของร้านค้าปลีก และผู้ประกอบการที่ปรับตัวเข้าหาอีคอมเมิร์ชมากขึ้น ก็คือ ใช่เวลาเพียงแค่ 2 ปี เท่านั้น หลังจากเปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก ในเดือนกันยายน ปี 2022 ที่ผ่านมา

ด้วยกลยุทธ์ราคาต่ำมากและการให้ประสบการณ์การเล่นเกม พร้อมทุ่มงบมหาศาลเพื่อทำโปรโมชั่นดึงดูดกลุ่มลูกค้าจนสร้างการรับรู้ในวงกว้างในเวลาที่สั้นที่สุด

หลังจากประสบความสำเร็จในสหรัฐฯ Temuจึงได้ขยายตลาดไปยัง 45 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งล่าสุดตลาดประเทศไทย

แม้จะเปิดตลาดในสหรัฐฯเป็นแห่งแรก แต่ยักษ์ใหญ่รายนี้ มีความสัมพันธ์กับ  “หวัง เจิง” หรือ Colin Huang  ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และอดีต ซีอีโอของ Pinduoduo ซึ่งเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชใหญ่ที่สุดในจีน และเขายัง

Temu
อีคอมเมิร์ซTemu รุกไทย

มีบทบาทสำคัญในบริษัท PDD Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Pinduoduo 

ล่าสุด “หวัง เจิง” วัยเพียง 44 ปี ได้ก้าวผงาดเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในจีน มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 4.86 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.7 ล้านล้านบาท) แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง “จง ซานซาน” (Zhong Shanshan) ผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำดื่ม Nongfu Spring ที่ครองอันดับหนึ่งมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564

จากอดีตพนักงาน Google สู่บุคคลร่ำรวยที่สุดในจีน

“หวัง เจิง” มีประวัติการทำงานใน Google จากการเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ และเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ภายหลังจบการศึกษาระดับปริญญาโท ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ในปี 2004 

เขาเป็นหนึ่งในทีม Google China ในช่วงที่บุกเบิกตลาดในปี 2006 และ ในปี 2207 ได้ลาออกมาเริ่มทำธุรกิจของตนเอง

เขาเริ่มต้นธุรกิจด้วยการพัฒนาเว็บไซต์อีคอมเมิร์ช ชื่อ Oukou จำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ก่อนจะขายกิจการไปในปี 2010 และเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ชื่อ “Leqi” เพื่อให้บริการคำปรึกษาแก่ธุรกิจต่างชาติเพื่อตลาดบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช เช่น Tmall และ​ JD.com

อย่างไรก็ตามเขามีปัญหาสุขภาพ หลังจากเปิดตัวสตูดิโอเกม “Xunmeng” เพื่อพัฒนาเกม RPG แต่ต้องหยุด แต่เมื่อรักษาสุขภาพได้เปิดตัว Pinduoduo ในปี 2015 ซึ่งสามารถระดมทุนนักลงทุนรวม 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

ในปี 2018 เขาสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdag ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ PDD  เปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ด้วยมูลค่ารวมมากถึง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เขามีหุ้นอยู่ในบริษัท 47% จึงมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 13 ของจีนในปี 2018 

เปรียบเทียบTemu, Shopee และ Lazada

กลยุทธ์ราคาจำหน่าย

Temu เน้นการเสนอราคาสินค้าที่ต่ำมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการเชื่อมต่อผู้บริโภคกับผู้ผลิตโดยตรง ตัดคนกลางออก ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าตลาดทั่วไป ปิดเว็บไซต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมโปรโมชั่นส่งฟรีและคืนสินค้าฟรีภายใน 3 เดือน รวมถึงส่วนลดสูงสุดถึง 90%

Shopee และ Lazada มักจะมีโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ เช่นส่วนลดจากร้านค้า คูปอง และดีลพิเศษ โดยมีสินค้าหลายช่วงราคา 

ประสบการณ์การช้อปปิ้ง

Temuนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่มีความสนุกสนานคล้ายการเล่นเกม โดยมีฟีเจอร์ที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ เช่น การสะสมแต้ม การเล่นเกมเพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติม

Shopee และ Lazada มุ่งเน้นไปที่การทำธุรกรรมที่รวดเร็วและสะดวกสบาย โดยมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การจัดหมวดหมู่สินค้า การกรองผลลัพธ์ และการแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับความสนใจของผู้ใช้ Shopee มีฟีเจอร์ Shopee Games ที่เพิ่มความสนุกสนานในการช้อปปิ้งเช่นกัน

การใช้เทคโนโลยี

Temu ใช้ AI ในการเรียนรู้และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน

Shopee และ Lazada ทั้งสองแพลตฟอร์มยังใช้ AI และระบบอัลกอริทึมในการแนะนำสินค้าและการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ แต่การเน้นใช้งาน AI อาจไม่เข้มข้นเท่ากับ Temu

ความท้าทายของผู้หน้าใหม่

Temu เป็นผู้ให้บริการรายใหม่ในตลาดไทย ซึ่งอาจจะเสียเปรียบ  Shopee และ Lazada ในช่วงแรกเพราะ ต้องสร้างชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในตลาดไทย และการสร้างฐานให้ตลาดให้มีความแข็งแกร่ง ซึ่งผู้บริโภคบางรายยังไม่ถูกใจ Temu เพราะไม่มีบริการ การชำระค่าสินค้าปลายทาง ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้บริโภคนิยมช้อปปิ้งกัน

https://www.thaipbs.or.th/news/content/342736

https://mgronline.com/china/detail/9670000065522

https://www.bangkokbiznews.com/world/1139539

https://thejournalistclub.com/temu-mdes/