

สภาฯท่องเที่ยว ลุยผ่า 2 นโยบายรัฐ “คนละครึ่ง” ขอ 5,000 ล้านบาท ชง “เราเที่ยวด้วยกัน” ทั่วไทย 2หมื่นล้านบาท ยาเร่งแก้เศรษฐกิจหลังน้ำท่วม แนะทำ 3 โปรเจกต์ “กระจายรายได้” 55 เมืองน่าเที่ยว ดัน “ตั้งอนุกรรมการในบอร์ดท่องเที่ยวแห่งชาติ” พัฒนาซัพพลายไซต์ ปั้นไทยสู่ “เวิลด์คลาส”
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เสนอรัฐบาลทำโครงการ “ท่องเที่ยวไทยคนละครึ่ง” เนื่องจากมีดัชนีชี้วัดการท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 พบลดลงพร้อมกันทั้ง 3 เรื่อง คือ การจ้างงาน จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้การท่องเที่ยว แล้วยังเกิดปัญหาฉับพลันอีก 2 เรื่อง คือ เงินบาทแข็งค่าขึ้น เป็นแรงจูงใจให้คนไทยหันไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น และวิกฤตน้ำท่วมภาคเหนือในเชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งทำรายได้ท่องเที่ยวรวมกันเฉลี่ยเดือนละ 7,000 ล้านบาท

ทำให้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ต้องนำเสนอโครงการ “ท่องเที่ยวไทยคนละครึ่ง” ผ่านนางสาวนัทรียาทวีวงศ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะภาคเอกชนต้องส่งเสียงถึงรัฐบาลเร่งไตรมาส 4 ปี 2567 ด่วน 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ พื้นที่แรก จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมต้องกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจเร่งด่วน พื้นที่สอง 55 เมืองน่าเที่ยว รัฐกับเอกชนต้องร่วมมือกันซ่อมสร้างและหาวิธีกระจายนักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมโยงสู่เมืองใกล้เคียงครบวงรอบให้เกิดเป็นรูปธรรม
ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองหลักเพียง 10 จังหวัด ผู้เชี่ยวชาญพยากรณ์โดยยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” จะเดินทางกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลัก กรุงเทพฯ สมุย ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ พัทยา/ชลบุรี ยังไปไม่ถึง “55 เมืองน่าเที่ยว” จึงต้องหันมาพึ่ง “ตลาดในประเทศ” ทำรายได้เพิ่มขึ้นโดยเร็ว
@เสนอทำด่วน“คนละครึ่ง–ตั้งอนุท่องเที่ยวชาติ–เวิลด์คลาส”
นายชำนาญกล่าวว่า จากการประมวลสถานการณ์ภาพรวมแล้วจึงเสนอให้รัฐบาลทำด่วนคือโครงการ “ท่องเที่ยวไทยคนละครึ่ง” เบื้องต้น “นายสรวงศ์ เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เริ่มประกาศนโยบาย “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน -31 ธันวาคม 2567 ใช้งบ ททท.อุดหนุนนักท่องเที่ยวคนละ 400 บาท/คน/ทริป ส่วนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ เสนอให้ใช้เงินกระตุ้น “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ทั้งหมด 5,000 ล้านบาท อุดหนุน 2,000 บาท/คน/ทริป แต่รัฐบาลเลือกนำงบประมาณ Quick Win ออกมาใช้ก่อน 400 บาท/คน/ทริป
ขณะนี้แนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยสามารถใช้ได้ 2 วิธี ได้แก่ วิธีแรก จัดกิจกรรมทำอีเวนต์ที่มีแรงดึงดูดคนเดินทางเข้าร่วมให้ได้มากที่สุด วิธีที่ 2 กระจายเม็ดเงินลงสู่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรงสู่เรียลเซกเตอร์อย่างรัฐบาลชุดก่อนใช้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ส่วนรัฐบาลปัจจุบันอาจจะใช้ “เที่ยวคนละครึ่ง” ก็ได้ เพราะเงิน 5,000 ล้านบาท สามารถหมุนในระบบเศรษฐกิจได้อีกหลายรอบ โดยเฉพาะ “การเพิ่มรายได้” สู่เมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด ต้องเติมนักท่องเที่ยวเข้าไปก่อน เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินกระจายสู่แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม มีเงินไปใช้ปรับปรุงธุรกิจและบริการได้ พัฒนาทักษะบุคลากร
ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะเดินหน้าเสนอรัฐบาลทำเร่งด่วน 3 โครงการ ได้แก่
- โครงการที่ 1 ประกาศใช้นโยบาย “เที่ยวคนละครึ่ง”ครอบคลุม พื้นที่วิกฤตน้ำท่วม และ 55 เมืองน่าเที่ยว
- โครงการที่ 2 จัดตั้งคณะอนุกรรมการท่องเที่ยวเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ เข้ามาทำหน้าที่ดูแลและพัฒนาซัพพลายไซต์ เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องทำงานเชิงบูรณาการกับหลายภาคส่วน หากมีคณะอนุกรรมการรับผิดชอบโดยตรงการพัฒนาคนหรือบุคลากรบริการ แหล่งท่องเที่ยว สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
- โครงการที่ 3 ยกระดับไทยสู่เมืองท่องเที่ยวโลก World Class Destination จะต้องพยายามริเริ่มจัดเมกะอีเวนต์ระดับโลกควบคู่ไปด้วย เช่น ITB Berlin กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน หรือ WTM -World Travel Mart กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร จะสามารถริเริ่มจัด ITB และ WTM Thailand ได้หรือไม่
@SMEsท่องเที่ยว 70% ตะโกนขอเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นายชำนาญกล่าวว่า ตลอดปี 2567 จากดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 พบผู้ประกอบการระดับกลางถึงบนประมาณ 30 % มีเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่อยู่รอดแล้วขับเคลื่อนธุรกิจราบรื่นได้ ส่วน กลุ่มขนาดกลางและขนาดย่อม “SMEs” อีก 70 % ยังติดกับดัก “เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน” ในจังหวะที่เทรนด์ตลาดการท่องเที่ยวของโลกเปลี่ยนแปลงไป
ล่าสุดผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เจอวิกฤตน้ำท่วมส่งเสียงผ่านสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ขอให้เสนอรัฐบาล 2 เรื่องหลัก เรื่องที่ 1 ขอยกเว้นภาษีชั่วคราว เช่น ภาษีป้าย ภาษีลงเรือน กลุ่มโรงแรม/ที่พัก หรือบางแห่งไม่โดนน่ำท่วมแต่บ้านพนักงานโดนน้ำท่วมจึงไม่มีใจบริการเต็มร้อยเปอร์เซนต์ เรื่องที่ 2 ขอเข้าถึงแหล่งเงินทุนสะดวกกว่าทุกวันนี้ จึงทำให้การกระจายนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่ 55 เมืองน่าเที่ยว
@เที่ยวไทยปี68 จะสำเร็จรัฐ-เอกชนต้องปลดล็อก 3 เรื่อง
นายชำนาญกล่าวว่า ข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้ง 3 โครงการ จะนำไทยก้าวสู่ “ความสำเร็จ” ทำให้เป้าหมายปี 2568 ทำรายได้เข้าเป้าหมาย 3.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยคัดเลือกสินค้าให้โดนใจเมกะเทรนด์ตลาดโลก เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เวลเนส และวางกลยุทธ์บุกตลาดเป้าหมายให้หนักกว่าปัจจุบัน
ส่วนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมจะทำงานเชิงบูรณาการกับ ททท.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคธุรกิจเอกชน ร่วมกันแก้จุดอ่อนที่เป็นปัญหาหลักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 กระจายนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเมืองหลักไปยังเมืองน่าเที่ยวเพิ่มขึ้น เรื่องที่ 2 เร่งสร้างความพร้อมเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด เรื่องที่ 3 เติมเต็ม Customer Journey โดยตั้ง “คณะอนุกรรมการท่องเที่ยว” มาดูแลด้านซัพพลายไซต์ โดยพุ่งเป้า “เมืองหลัก” เน้นแก้ไขระบบจราจร การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ส่ว “เมืองน่าเที่ยว” ต้องเน้นพัฒนาความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวและการให้บริการ
โดยนายกรัฐมนตรีจะต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนในเชิงมหภาคอย่างเป็นรูปธรรม เพราะหากสินค้าท่องเที่ยวไม่พร้อม กลไกการตลาดและการขับเคลื่อนส่วนอื่น ๆ ก็ทำต่อได้ยากลำบากจึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกจุดอ่อนเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว
เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรวงศ์ ถกคลัง ทำ เราเที่ยวด้วยกัน 2 หมื่นล้าน ปลุกโลว์ซีซั่นปี68