

- “TCEB” ลุยปี’66 งัดธีม MICE to Meet You หนุน 4 ยุทธศาสตร์ไมซ์ชาติ
- ดึงงานโลกมาจัดในไทย-เพิ่มขีดความสามารถทีเส็บ 4 ภูมิภาค
- ชูนวัตกรรมสร้างสรรค์ธุรกิจ-ปักธงทำไมซ์สู่ความยั่งยืนลดโลกร้อน ลดคาร์บอน ลดก๊าซเรือนกระจก
- เร่งทุกภาคโหม 2 เรื่อง “สร้างโปรดักซ์ใหม่ในพื้นที่+สร้างจุดขาย Duel City
- ดันซอฟท์เพาเวอร์ชูเทศกาลท้องถิ่นขึ้นชั้นงานโลกเน้นใช้นวัตกรรมไฮเทคเพิ่มมูลค่า
- ต่อยอด WINNOVATION ปั้น MICE STATR UP โต 10-15%
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ปี 2566 ทีเส็บวางกลยุทธ์ไมซ์ในธีม MICE to Meet You คู่ขนานกับแผนยุทธศาสตร์ไมซ์ 5 ปีหน้า 2566-2570 เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก คือ 1.ดึงงานระดับนานาชาติและโลก มาจัดมาในไทย 2.สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันระดับพื้นที่ภายในโครงการ TCEB 4 ภูมิภาค โดยมีสำนักงานกระจายอยู่แต่ละภาค ภาคกลาง+ตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน 3.การใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์ธุรกิจ 4.ยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์สู่ความยั่งยืน Sustainbility มุ่งทำโครงการลดโลกร้อน วัดปริมาณการจัดงานที่ต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ภายนอก คาร์บอนฟุตปริ๊นท์ ก๊าซเรือนกระจก

พร้อม ๆ กับการขับเคลื่อน TCEB 4 ภูมิภาค โดยเน้นไฮไลต์ทำโครงการ “ไมซ์ชุมชน” เปิดเส้นทางสายไมซ์ นำปราชญ์ท้องถิ่นมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก สอดรับกับ “เจ้าของกิจการรุ่นใหม่” ในไทยและทั่วโลกตอนนี้เป็นคนสมัยใหม่ยุคมิลเลนเนียลเข้ามาบริหารธุรกิจตั้งแต่ระดับผู้จัดการไปจนถึงเจ้าของ ล้วนแล้วแต่มีพฤติกรรมแนวคิดแตกต่างจากคนรุ่นพ่อแม่ยุคเบบี้บูม ยุคนี้นิยมให้รางวัลการเดินทางกับพนักงานหรือให้Incentive ดังนั้นทีเส็บจึงต้องรณรงค์ทางผู้ผลิตสินค้าหรือซัพพลายไซซ์เร่งสร้างโดยเร็ว 2 เรื่อง
เรื่องแรก “สร้างโปรดักซ์ใหม่ ๆ” โดยเฉพาะ “การเปิดใหม่เส้นทางไมซ์” ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในห้องประชุมสี่เหลี่ยมอีกต่อไป อาจจะใช้พื้นที่โล่งกว้าง ในชุมชน และสถานที่อื่น ๆ เรื่อยไปจนถึงการคัดโปรดักซ์เทรนด์ใหม่จังหวัดเมืองรอง เพื่อเพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจเข้าพื้นที่ได้มากขึ้น
ขณะนี้ทีเส็บภาคได้สร้างเส้นทาง 7 Themes Plus เพิ่มใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ 1.เส้นทางไมซ์เพื่อสุขภาพ เช่น จันทบุรีมีสปาทราย 2.เส้นทางไมซ์บนเรือสำราญซึ่งตลาดกลุ่มองค์กรมีเทรนด์ความต้องการสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่จะพักค้างคืนบนเรือแล้วแวะลงตามท่าเรือเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย ทางทีเส็บได้จัดเตรียมชุมชนซึ่งมีสินค้าพร้อมขายไว้ต้อนรับด้วย

เรื่องที่ 2 “ปักหมุดการขายไมซ์แบบจับคู่เมืองหรือ Duel City” เชิญชวนทุกภาคส่วนเลือกจัดงานในเมืองหลักแล้วเดินทางเที่ยวเมืองรองควบคู่กันป เมืองไมซ์หลักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมีสนามบินแล้วเชื่อมการเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ ได้ เช่น สงขลา ไปต่อ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ไปต่อลำพูนหรือเชียงราย สุโขทัยไปต่อน่าน และเมืองอื่น ๆ ตามนโยบายรัฐบาลประกาศรายชื่อเมืองรองทั่วประเทศ ฉนั้นปี 2566 ทีเส็บจะคัดเลือกเมืองรองมาขายในตลาดไมซ์ ตอนนี้คัด “โปรดักซ์ พรีเมี่ยม” ซึ่งขณะนี้ทีเส็บจับมือกับสมาพันธุ์ SME ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1 แสนราย เพื่อร่วมทำประชาสัมพันธ์ขายให้ผู้จัดงานองค์กรทั้งรัฐและเอกชน โดยสามารถดีไซน์สินค้ามาใช้แจกในโอกาสพิเศษ เป็นรางวัลแจกพนักงาน ของขวัญปีใหม่ และของขวัญเทศกาลต่าง ๆ ได้
นางศุภวรรณ กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2566 ทีเส็บ 4 ภาค จะต้องเพิ่มความเข้มข้นการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น ภาครัฐ เอกชน ด้วย 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ เรื่องที่ 1 สำนักงานทีเส็บภาคจะต้องจับมือกับทุกองค์กรในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีทั้ง หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมท่องเที่ยวจังหวัด/ภาค สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถาบันการศึกษาหลัก ๆ จะเป็นมหาวิทยาลัยใน 10 ไมซ์ ซิตี้ ควบคู่กับเมืองใกล้เคียงในแต่ละคลัสเตอร์พุ่งเป้าหมายการ “จัดไมซ์อย่างยั่งยืน” โดยมีข้อกำหนดการจัดงานให้อยู่ในเกณฑ์ 25 ข้อ ซึ่งจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้มากที่สุด เตรียมนำร่องแห่งแรกเรื่องการจัดงานไมซ์ยั่งยืนทั้งกิจกรรมและสถานที่จัดงานสัปดาห์ที่ 15 ตุลาคม 2565 ที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

เรื่องที่ 2 วางแผนยกระดับเทศกาลในแต่ละเมืองให้โดดเด่นให้เป็นเทศกาลระดับประเทศและนานาชาติ National & International Festiation จากเดิมเป็นเพียงเทศกาลระดับท้องถิ่น Local Festival เท่านั้น สามารถสร้าง“แบรนด์+ภาพลักษณ์พื้นที่” เช่น เชียงใหม่ เพิ่งได้รับการประกาศจากสหรัฐอเมริกาให้เป็น “แชมป์เมืองเทศกาลโลก” ซึ่งเป็นต้นแบบการทำงานร่วมกันของทีเส็บกับองค์กรภายในพื้นที่ และชุมชน รวมทั้งยังได้เสนองานเทศกาลแห่เทียนประเภทพาเหรดเข้าไปด้วย ได้รับรางวัลอันดับที่ 3 ของโลกเช่นกัน รางวัลจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีพลัง
นางศุภวรรณ กล่าวเพิ่มว่า ทีเส็บพร้อมมีส่วนผลักดัน “สร้างจุดขายไมซ์ ซอฟท์ เพาเวอร์” เพื่อดึงดูดตลาดทั่วโลกเลือกมาจัดงานในไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ใน 7 Themes MICE เช่น เส้นทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ล่าสุดได้ริเริ่มที่หมู่บ้านนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีสนามบินและเส้นทางเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และการยกระดับชุมชนผ้าย้อมคร้าม ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ เติบโตอย่างยั่งยืน
ประการสำคัญทีเส็บเน้น “นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าไปสร้างมูลค่าเพิ่ม” โดยทำงานร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสตาร์ตอัพต่าง ๆ ชูโครงการ WINNOVATION ที่จะสร้าง MICE START UP ปี 2566 เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10-15 % ทางทีเส็บจะลงเงินทำ Piching จับคู่สตาร์ตอัพกับสถานที่จัดงาน ดึงดูด 4 ตลาดหลัก ได้แก่ กลุ่มจัดประชุม (meeting) กลุ่มเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive) กลุ่มจัดนิทรรศการแสดง (Exhibition) และกลุ่มจัดงานเทศกาล (Festival) เพื่อเฟ้นหาสตาร์ตอัพที่สามารถจัดงานรองรับตลาดกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดได้

ปี 2566 ทีเส็บนำเครื่องมือใหม่เข้ามาสร้างศุกยภาพไมซ์ โดยเปิดแพลตฟอร์ม BIZ CONNECT รองรับการจัดไมซ์ได้ทุกประเภท ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมถึงวิธีวัดปริมาณลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แต่ละงาน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านนำเสนอขายกับคู่ค้าทั้งในตลาดเมืองไทยและนานาชาติ
สำหรับปีหน้าทีเส็บพร้อมทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ทั้งประเทศเกิดความตื่นตัวไม่เฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องขับเคลื่อนไมซ์ขานรับเทรนด์โลกลงมือทำเรื่องสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เริ่มจากนำเครื่องมือกับการบริหารจัดการเข้ามาควบคุมดูแล ศึกษาเรียนรู้ การลดและวิธีชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้มากที่สุดไปพร้อม ๆ กัน
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen