

“TCEB” ไตรมาส 3 นำไมซ์ทำเงิน 1 แสนล้าน ดันโครงการ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ทั่วไทยแห่ร่วมคึกคัก “ไมซ์ต่างประเทศ” ลุยชิงเจ้าภาพจัด 3 งานโลก “ฟอร์มูล่าEปี’68-ฟอร์มูล่าวันปี’70-เวิลด์ไพรด์ปี’73” เพิ่มรายได้ไว้ยาว ๆ 5 ปี

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าทีเส็บเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ครึ่งปีหลัง 2567 กระตุ้นตลาดไมซ์ให้สอดคล้องตามเป้าหมายปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2567-30 กันยายน 2567) จะต้องสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศให้ฟื้นกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนี้ร่วมกับทุกฝ่ายเร่งเดินหน้าทุกโครงการทั้งในและต่างประเทศซึ่งแต่ละตลาดมีสัญญาณที่ดีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ช่วงไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2567 คาดการณ์จะสร้างมูลค่ารายได้รวม 109,669 ล้านบาท จำนวน 18 ล้านคน จากไมซ์ต่างประเทศ 52,980 ล้านบาท จำนวน 894,584 คน และไมซ์ในประเทศ 56,689 ล้านบาท จำนวน 17,125,343 คน

เริ่มด้วย “ตลาดไมซ์ประเทศ” เพิ่มความเข้มข้นโครงการ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” กระตุ้นหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ เอกชน หันมาใช้จ่ายเงินจัดงานประชุมภายในประเทศต่อเนื่องตลอดทุกเดือนจนปิดโครงการวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
หลังเปิดตัวโครงการให้ลงทะเบียนเข้าสู่เดือนที่สามผู้ประกอบการทุกภาคส่วนสนใจเข้าร่วมระหว่างมิถุนายน-กลางเดือนสิงหาคม 2567 เกิน 4,000 คน จาก 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
- กลุ่มที่ 1 “ผู้ซื้อ” บริษัทเอกชน สถาบันการศึกษา/สมาคม บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ SMEs/Start Ups
- กลุ่มที่ 2 “ผู้ขาย” ก็มีสถานที่จัดงาน ออร์แกไนเซอร์ บริษัทตัวแทนจัดการเดินทางและท่องเที่ยว (DMC) อาหารเครื่องดื่ม วิทยากร ร้านค้า สินค้า โลจิสติกส์ หน่วยงานเกี่ยวข้องอื่น ๆ
- กลุ่มที่ 3 หน่วยงานพันธมิตร ที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญ เช่น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายคนไทยไร้พุง หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)
ด้าน “ตลาดไมซ์ต่างประเทศ” ทีเส็บกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันนำงานระดับโลกมาไทยอย่างน้อย 6 งาน ประกอบด้วย
“งานที่ประเทศไทยกำลังเสนอชื่อ” เข้าร่วมประมูลแข่งกับประเทศอื่น ๆ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัด 3 งานระดับโลก ได้แก่
- งานที่ 1 Formula E Race in Chaing Mai 2025 การแข่งขันรถยนต์สมัยใหม่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไทยพร้อมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดปี 2568 ที่สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ จัดต่อเนื่อง 2 วัน จะสามารถดึงผู้ชมและผู้เกี่ยวข้องจากทั่วโลกเข้าร่วมได้กว่า 10,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4,000 ล้านบาท
- งานที่ 2 Formula 1 Race in Bangkok 2027 ประเทศไทยกำลังศึกษาความเป็นไปได้จะเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันรถสูตรหนึ่งหรือ F1 : Formula One ปี 2570 จัดต่อเนื่อง 4 วัน คาดจะมีผู้เข้าร่วมราว 300,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 12,007 ล้านบาท
- งานที่ 3 World Pride 2023 ตั้งเป้าจะประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงาน InterPride World Conference 2025 กับงาน World Pride 2030 ทีเส็บจะร่วมกับหน่วยงานในไทยดึงงานมาจัดในปี 2573 โชว์ศักยภาพส่งเสริมการสร้างความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศแก่คนทั่วโลก
“งานที่ประเทศไทยได้รับเลือกอย่างเป็นทางการ” ให้เป็นเจ้าภาพจัดระดับโลกแล้ว 3 งาน ได้แก่
- งานแรก IDF World Diabetes Congress 2025 เป็นครั้งแรกการจัดงานประชุมขึ้นในอาเซียนปี 2568 ของสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
- งานที่ 2 Global Sustainable Tourism Conference : GSTC 2026 ปี 2569 ที่ จ.ภูเก็ต
- งานที่ 3 International Horticultural Expo 2029 เป็นงานมหกรรมพืชสวนโลกระดับ A1 รายการยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก จะจัดระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน 2572-28 กุมภาพันธ์ 2573 รวมทั้งหมด 110 วัน บริเวณพื้นที่ 678 ไร่ สวนสาธารณประโยชน์โคกหนองรังกา ตำบลเทพาชัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา คาดจะสร้างเงินสะพัดกว่า 18,942 ล้านบาท เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 9,163 ล้านบาท จัดเก็บภาษีได้ 3,429 ล้านบาท สร้างงาน 36,003 อัตรา
ตลอดปีงบประมาณ 2567 ทีเส็บได้ประมาณการณ์สถิตินักเดินทางและรายได้ไมซ์ M-I-C-E ไว้ดังนี้

“ไมซ์ในประเทศ” ตั้งเป้ากระตุ้นจำนวน 22,230,000 คน รายได้ 73,000 ล้านบาท ประกอบด้วย M : Meeting การจัดงานประชุม/สัมมนา 1,556,100 คน สร้างรายได้ 5,100 ล้านบาท I : Incentive การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 666,900 คน สร้างรายได้ 2,200 ล้านบาท C :Convention การจัดประชุมขนาดใหญ่ระดับประเทศ 2,223,000 คน สร้างรายได้ 7,300 ล้านบาท และ E :Exhibition การจัดงานแสดงสินค้า 17,784,000 คน 58,400 ล้านบาท
“ไมซ์ต่างประเทศ” ตั้งเป้ากระตุ้นจำนวน 950,000 คน รายได้ 63,000 ล้านบาท ประกอบด้วย M : Meeting การจัดงานประชุม/สัมมนา 237,500 คน สร้างรายได้ 15,680 ล้านบาท I : Incentive การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 285,000 คน สร้างรายได้ 18,820 ล้านบาท C : Convention การจัดประชุมขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ 142,500 คน สร้างรายได้ 9,500 ล้านบาท และ E : Exhibition การจัดงานแสดงสินค้า 285,000 คน 19,000 ล้านบาท
นายจิรุตถ์ กล่าวว่าปี 2567 สถานการณ์ทำรายได้ของอุตสาหกรรมไมซ์จากตลาดในและต่างประเทศ เป็นไปในทิศทางที่ดีตามเป้าหมาย ครึ่งปีหลังยังคงเป็นห่วงและต้องเกาะติดเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือได้ทันท่วงที 2 ส่วน
คือ ส่วนแรก “ไมซ์ในประเทศ” ด้วยสภาพเศรษฐกิจยังซึม ๆ อยู่บ้าง ทีเส็บจะพยายามร่วมกับทุกฝ่ายดูแลกลุ่ม SMEs เพราะการเปิดบูธออกงานแต่ละครั้งเอกชนต้องใช้เงินลงทุนพอสมควร แล้วต้องรอดูมาตรการส่งเสริมธุรกิจรายย่อยภาคอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้เพื่อการลงทุนต่าง ๆ ส่วนที่สอง “ไมซ์ตลาดต่างประเทศ” ก็ต้องจับตาการสู้รบระหว่างประเทศจะส่งผลต่อการจัดงานไมซ์ต้องเฝ้าระวังหาทางรับมือควบคู่กันไว้ด้วย
เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : TCEB นำไมซ์ไทยปลุกเศรษฐกิจ ลุยโร้ดโชว์อินเดีย โกย 4 พันล้าน