“เสริมศักดิ์” นำ ททท. เร่งครึ่งปีหลัง67 หาเงินเพิ่ม 2.4 ล้านล้าน

ททท. ท่องเที่ยว รายได้
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบนโยบายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งกระตุ้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง 2567 มีภารกิจต้องทำรายได้เพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท

“ เสริมศักดิ์ ” มอบนโยบายเที่ยวไทยปลอดภัยทุกซีซัน เร่งครึ่งปีหลังมิ.ย.-ธ.ค.67 ต้องหารายได้เพิ่ม 2.4 ล้านล้านบาท สานฝัน IGNITE Thailand 5 กลยุทธ์นำไทยสู่ทัวริสซึ่มฮับ “ปลัดอารัญ” ย้ำปี’67 ทำได้ 3 กลยุทธ์ รองบปี68/69 ทำต่ออีก 2 กลยุทธ์ด้าน “ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์” เปิดแผนกระตุ้นตลาดทั่วโลก ทั่วไทย จัดอีเวนต์ใหญ่ เติมเงินทุกเดือน

นาย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมพร้อมมอบนโยบาย “ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทย ท่องเที่ยวปลอดภัย เที่ยวได้ทุก Season” ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาคีย์ ควีนส์ ปาร์ค

ททท. ท่องเที่ยว
นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย ผู้ว่าการ ททท. และผู้บริหาร ร่วมประชุมขับเคลื่อน IGNITE Thailand’s Tourism

โดยมีนายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

นำเสนอแผนขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ปลุกพลังการท่องเที่ยวไทยกระตุ้นตลาดช่วงครึ่งหลังปี 2567 เน้นการดูแลรักษาความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว นำไทยก้าวสู่ประเทศศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาคหรือ Tourism Hub

สภาพปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้วกว่า 15 ล้านคน สร้างรายได้รวมจากคนไทยและต่างชาติรวมแล้วกว่า 1.1 ล้านล้านบาท

ททท. ท่องเที่ยว
ททท.นำเสนอแผนกระตุ้นตลาดในประเทศ และทั่วโลกทั้งระยะใกล้และระยะไกลเพื่อหารายได้เพิ่มให้ครบ 3.5 ล้านล้านบาท

ยังมีโจทย์ใหญ่ ดึงรายได้เพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 3.5 ล้านล้านบาท และกระตุ้นต่างชาติทั่วโลกเที่ยวไทยอีก 21.7 ล้านคน จากที่ตั้งไว้รวม 36.7 ล้านคน

ช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2567 กำลังเข้าสู่โลว์ซีซันนักท่องเที่ยวจะลดลง จึงต้องทำเร่งด่วนปลุกตลาดต่างประเทศ 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 มอบสิทธิพิเศษและส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกสร้างบรรยากาศในประเทศให้น่าเที่ยว มาตรการที่ 2 สนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งทุน

มาตรการที่ 3 ส่งเสริมการอบรมสัมมนาข้ามจังหวัดและภูมิภาค มาตรการที่ 4 สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเสริมอัตรากำลังตำรวจท่องเที่ยวและสร้างความร่วมมือกับชุมชนดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

ททท. ท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยว ททท.ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานต่าง ๆ ประสานเสียงปี 2567 จะนำประเทศไทยสู่ Tourism Hub

นาย เสริมศักดิ์ กล่าวว่า พร้อมจะผลักดันการท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อเนื่องและเข้มแข็งมากขึ้นภายใต้นโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism หลัก ๆ จะต้องทำ  1.เดินหน้าตามนโยบายเร่งด่วนเพิ่มศักยภาพเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด 2.ทำให้ “เที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวได้ทุกซีซัน/ฤดู” 3.ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All

4.จัดงานเทศกาลและท่องเที่ยวเชิงกีฬาหรือ Festival & Sports Tourism ความปลอดภัยในการท่องเที่ยว การบุกตลาดเชิงรุก 5.เจาะกลุ่มตลาดดาวรุ่งใหม่ ๆ ควบคู่กับเปิดจุดขายเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองหลักสู่ 55 เมืองน่าเที่ยว เน้นบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น

นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงฯ พร้อมประสานทุกภาคีภาครัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพสู่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวโลกโดยมีแผนปฏิบัติการ IGNITE Thailand’s Tourism ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ ปี 2567 เน้น 3 กลยุทธ์ ได้แก่

3 กลยุทธ์

  • กลยุทธ์ที่ 1 สร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกย่างก้าว ด้วยการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง ประชาสัมพันธ์ข้อมูล สร้างภาพลักษณ์และสร้างประสบการณ์ที่ดี ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย
  • กลยุทธ์ที่ 2 ผลักดัน 5 Must Do in Thailand ส่งเสริม 5 สิ่งที่จะต้องทำในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และพัฒนาสินค้ากับบริการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน
  • กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมเส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว พัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว โดยบูรณาการหน่วยงานในจังหวัดเดินหน้าทำท่องเที่ยวเชิง พัฒนากิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวให้มีเรื่องราวเป็นจุดขายสำคัญ พร้อมกับยกระดับมาตรฐานที่พัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานรองรับการท่องเที่ยว ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

จากนั้นปีปีงบประมาณ 2568/2569 จะเน้นนโยบายนำไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน (Hub of ASEAN) ด้วยวิธีสนับสนุนให้เชื่อมโยงเส้นทางอาเซียนเป็นจุดหมายปลายท่องเที่ยวหนึ่งเดียวกัน (Single Destination)

และยกระดับความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมสร้างศูนย์กลางการจัดงานอีเวนต์โลก (World Class Event Hub) พัฒนางนเทศกาลประเพณีท้องถิ่นไทยสู่สากลทำให้เป็นอีเวนต์ระดับโลก เตรียมพร้อมและเพิ่มศักยภาพเมืองต่าง ๆ รองรับการจัดอีเวนต์นานาชาติ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายของรัฐบาลกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวไตรมาส 3-4 ปี 2567 แบ่งเป็น “ตลาดในประเทศ” จะสร้างกระแสเดินทางท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค เปิดตัวเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด ตามคอนเซปต์เสน่ห์ไทยและ 5 Must Do in Thailand ผ่านแคมเปญการสื่อสาร “สุขทันทีที่เที่ยวไทย” ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” สื่อสารด้วยคอนเซปต์ Amazing Thailand, Your Stories Never End แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

  • ส่วนที่ 1 ตลาดระยะไกลข้ามทวีป เน้นเพิ่มเที่ยวบินตรงแบบประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำกระตุ้นการเดินทางจำนวนมากนอกฤดูและวันหยุดฤดูหนาว เพิ่มการใช้จ่ายเงิน ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวสร้างประสบการณ์ใหม่ ขยายวันพัก อำนวยความสะดวกเดินทางและทำธุรกิจ
  • ส่วนที่ 2 ตลาดระยะใกล้ แถบเอเชีย แปซิฟิก อาเซียน เน้นส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว ร่วมมือกับสายการบินเพิ่ม 4 อย่าง 1.เที่ยวบินและเส้นทางบิน 2.ความถี่การเดินทาง 3.เพิ่มการใช้จ่าย 4.ปรับภาพลักษณ์ประเทศไทย ขยายฐานกลุ่มเจเนเรชั่นคนรุ่นใหม่และท่องเที่ยวเดินทางมาไทยครั้งแรก

ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง 2567 ททท.เตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลต่าง ๆ ทุกเดือน เช่น  อะเมซิ่ง ฟู้ด เฟสติวัล2024 ศรัทธา วิจิตร/VIJIT 5 ภาค อะเมซิ่ง มวยไทย เอ็กซ์พีเรียนซ์ อะเมซิ่ง บีช ไลฟ์ เฟสติวัล และอะเมซิ่ง มิวสิค เฟสติวัล สนับสนุนการจัดกิจกรรม งานเทศกาลและประเพณีต่าง ๆ ทั่วเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว สร้างสีสันและบรรยากาศการท่องเที่ยว

โดยนำมาตรการรัฐบาลมาเป็นพลังสนับสนุน ได้แก่ 1.ขยายการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง 2.สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว 3.อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเรื่องการเดินทางทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ 4.ยกระดับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และความปลอดภัย

พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ทางหน่วยงานรับนโยบายของรัฐบาลเร่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทุกมิติ โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

เดินหน้าทำ 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 หลักการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ผ่านการเพิ่มมาตรการเชิงรุกการตรวจตรา ป้องกันการหลอกหลวงในแหล่งท่องเที่ยว ผ่านศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว (Command and Control Operation Center : CCOC) และศูนย์ Call Center บริการสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155

เรื่องที่ 2 การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อเร่งปราบปรามการเอารัดเอาเปรียบและฝ่าฝืน พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว และเพิ่มการตรวจสอบเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางน้ำ

เรื่องที่ 3 นำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว โดยพัฒนาระบบเชื่อมต่อกับศูนย์รับแจ้งเหตุอื่น ๆ ครบวงจร ใช้เทคโนโลยี AI Face Recognition ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เริ่มนำร่องทำแล้ว 6 พื้นที่ ได้แก่ ถนนข้าวสาร กทม. ถนนคนเดินพัทยา จ.ชลบุรี ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น ย่านประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ถนนคนเดินบางลา จ.ภูเก็ต ตลาดโต้รุ่งหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ททท. ภาคใต้ Q1/67 โกย 3.87 หมื่นล้าน ครึ่งปีหลังลุย 3 โปรเจกต์