ททท. ยุโรปเปิดแผนตลาดปี’68 แท็กทีมแอร์ไลน์ทุกชาติเพิ่มบินตรง งัดสูตร “248” โกยทัวร์เศรษฐี คู่รักวาเลนไทน์ บิ๊กแฟมิลี่ “Skip Gen Travel” ขานรับ 3 เทรนด์ใหญ่ ทัวร์สุขภาพ เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยง เที่ยวยั่งยืน
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดทำแผนปี 2568 ตลาดระยะไกล (longhaul) สถานการณ์นักท่องเที่ยวฟื้นกลับมาเที่ยวเมืองไทยเกือบ 100 % แล้ว โดยเฉพาะ “ยุโรป” มีสายการบินนานาชาติทยอยบินเพิ่มต่อเนื่องตลอดตารางบินฤดูหนาวปี 2567/68 สายการบินแรก “คอนดอร์” เยอรมัน เปิดบินตรง เริ่มตั้งแต่ 23 กันยายน 2567 ไป-กลับระหว่างท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต มายังกรุงเทพฯ และภูเก็ต 12 เที่ยว/สัปดาห์ เยอรมันเป็นตลาดเหนียวแน่นกับไทยมาก สายการบินที่ 2 “แอสตานาแอร์เวย์ส คาซัคสถาน บินตรง ไป-กลับ อมาตี้ สู่ กรุงเทพฯ วันละ 1 เที่ยว หรือ 7 เที่ยว/สัปดาห์ และภูเก็ต 3 เที่ยว/สัปดาห์ ตั้งแต่ธันวาคม 2567 จะเพิ่มความถี่เข้าภูเก็ตมากขึ้น
สายการบินที่ 3 “อิต้า(ITA) แอร์เวย์ส อิตาลี บินตรง ไป-กลับ กรุงโรม สู่ กรุงเทพฯ เริ่ม 16 พฤศจิกายน 2567 สายการบินที่ 4 การบินไทย บินตรง ไป-กลับ บรัสเซล (เบลเยี่ยม) – กรุงเทพฯ เริ่ม 1 ธันวาคม 2567 บินทุกวัน ๆ ละ 1 เที่ยว หรือ 7 เที่ยว/สัปดาห์
ภาพรวมจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเข้าออกไทย “รัสเซีย” มีมากถึง 1.42ล้านที่นั่ง มีนักท่องเที่ยวเดินทาง 1.41 ล้านคน จึงมีที่นั่งเหลือ ส่วน “เยอรมัน”มี 5.5 แสนที่นั่งแต่มีนักท่องเที่ยว 7.2 แสนคน ไม่เพียงพอต้องไปใช้บริการเที่ยวบินเชื่อมต่อในตะวันออกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มี 2 ล้านที่นั่ง แต่ตลาดนี้มีนักท่องเที่ยวมาไทยปีละประมาณ 1 แสนคน มีที่นั่งมากพอรองรับยุโรปหรือตลาดระยะไกลจองที่นั่งบินมาไทย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจากประเทศอื่น ๆ เข้ามาไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ททท.ภูมิภาคยุโรปได้ทำตลาดเชิงรุกใช้ศักยภาพ สายการบินอิเบอโร่เจ็ต สเปน เป็นศูนย์กลางเปิดตลาดใหม่จากอเมริกาใต้เข้าไทย หรือขยายตลาดเมืองรองกับ “บริติชแอร์เวย์ส” นำนักท่องเที่ยวจากแมนเชสเตอร์ นิวคลาสเซิล มาเมืองไทย และน้องใหม่มาแรงอย่าง “แอร์แอสตานา”นำนักท่องเที่ยวคาซัคสถานได้เกินกว่า 1 แสนคน
ททท.ได้วิเคราะห์ “พฤติกรรมนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล” ปี 2568โดยได้ประกาศเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 วางแผนนำเสนอความแกรนด์ต่าง ๆให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ Grand Privillage มอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วยสูตรการตลาด “248” คัดเลือกเดือนยอดนิยมเหมาะกับตลาดแต่ละเซกเมนต์หลักเพื่อมอบสิทธิ์มากมายดึงดูดคนและรายได้เพิ่มขึ้น ได้แก่
เดือน “2” กุมภาพันธ์ เป็นเทศกาลแห่งความรัก จะไฮไลต์เจาะตลาดคู่รัก เดือน “4” เมษายน รุกนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวขยายไปเที่ยวเมืองที่มีเสน่ห์งดงาม Hidden Gems เดือน “8” สิงหาคม เน้นกระตุ้นปิดเทอมกลุ่มมัลติ-เจนเนอเรชั่น ครอบครัวขนาดใหญ่ มีทั้งลูกหลาน พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และเทรนด์ใหม่ล่าสุด “Skip Gen Travel” นักท่องเที่ยวกลุ่มหลากหลายวัยเดินทางด้วยกัน ททท.และเอกชนจะต้องดีไซน์จัดกิจกรรมรองรับความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้ผู้สูงวัยก็เที่ยวร่วมกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีความสุข
ปี 2568 ททท.เดินหน้านำสินค้าท่องเที่ยวที่สามารถเพิ่มรายได้มากขึ้นเสนอขาย ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม :Wellness Retreat” ซึ่งไทยมีชื่อเสียงโดดเด่นติดระดับโลก ททท.นำเข้ามาเสริมจุดขายลำดับต้น ๆ ขานรับแนวโน้มไทยและทั่วโลกมีผู้สูงวัยเกิน 20 % ของประชากรทั้งหมด กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวเดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยง กลุ่มที่ 3 นักท่องเที่ยวนิยมความยั่งยืน ทาง booking.com เปิดผลสำรวจพบนักท่องเที่ยวระยะไกลให้น้ำหนักความสำคัญเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากเป็นพิเศษเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “รมว.สรวงศ์” ถก ททท. ยุโรปปี68 ชูฮับเอนเตอร์เมนท์ โกยทัวร์ 11 ล้านคน