ศปช. ย้ำ พายุจ่ามี ไม่กระทบไทยโดยตรง ส่งผลฝนตกลมแรงทางภาคอีสานบางพื้นที่

พายุจ่ามี
ศปช. ย้ำ พายุจ่ามี ไม่กระทบไทยโดยตรง ส่งผลฝนตก ลมแรงทางภาคอีสานบางพื้นที่


ศปช. เตือนประชาชน 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเตรียมรับมือน้ำสูงขึ้น 30 – 50 ซม. คาดหลัง 26 ต.ค.สถานการณ์น้ำลดลง ย้ำ พายุจ่ามี ไม่กระทบไทยโดยตรง ส่งผลฝนตก ลมแรงทางภาคอีสานบางพื้นที่ แต่ยังต้องติดตามพายุลูกดังกล่าว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มหรือ ศปช. เปิดเผยว่า จากปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในพื้นที่บริเวณจังหวัดอุทัยธานี กำแพงเพชร สุพรรณบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,116 ลบ.ม./วินาทีล่าสุด ศปช. ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 1,600 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา น้ำสูงขึ้นประมาณ 30 – 50 ซม. 

โดยกรมชลประทานได้ออกประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัด ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว “ขอแจ้งเตือนประชาชน และผู้ประกอบการริมน้ำ เตรียมพร้อมรับมือน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นประมาณ30 – 50 ซม. ในพื้นที่ 11 จังหวัด ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาทสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานีนนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมยกของขึ้นที่สูงและติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ศปช. คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอีกระยะหนึ่ง โดยในวันที่ 25 ต.ค. 67 เพิ่มเป็น 1,750 ลบ.ม./วินาที ในวันที่ 26 ต.ค. 67 เพิ่มเป็น 1,900 ลบ.ม./วินาที หากในช่วงวันที่ 26 – 27 ต.ค. ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนลดลงจะปรับลดการระบายน้ำลงให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ล่าสุดที่ประชุม ศปช. ได้สั่งการให้กรมชลประทานพิจารณาลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิต์ที่จะไหลลงมาสมทบที่เขื่อนเจ้าพระยาแล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด

จ่ามีข้อมูลล่าสุด จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย

ด้านพายุโซนร้อนจ่ามี คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านเกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์ในวันนี้ จากนั้นจะเคลื่อนไปยังประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 26 – 27 ต.ค. นี้ ก่อนที่จะวนกลับไปในทะเลจีนใต้อีกครั้ง ซึ่งพายุลูกนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย แต่อาจส่งผลให้ประเทศไทยมีเมฆเพิ่มขึ้นและมีฝนบางพื้นที่กับมีลมแรงโดยเฉพาะทางตะวันออกของภาคอีสานในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีอำนาจเจริญ มุกดาหาร ยโสธร ซึ่งยังต้องติดตามพายุลูกดังกล่าวเนื่องจากทิศทางยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นายจิรายุกล่าว

นายจิรายุกล่าวว่า ความคืบหน้าการเร่งรัดจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ประสบอุทกภัยตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ล่าสุด (23 ต.ค. 67) โอนจ่ายเงินผ่านพร้อมเพย์แล้ว 10 ครั้ง โอนสำเร็จ 63,276 ครัวเรือน จำนวน 569,420,000 บาทจังหวัดที่โอนสำเร็จแล้ว 8 จังหวัด 45 อำเภอ และอยู่ระหว่างการรอโอน 57,208 ครัวเรือน “สำหรับประชาชนที่ไม่สามารถรับเงินได้1,669 ครัวเรือนนั้น ทราบข้อมูลว่า ไม่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์กับเลข 13 หลัก มีการเปลี่ยนธนาคารระหว่างการโอน บัญชีถูกปิดบัญชีไม่เคลื่อนไหว กรณีที่โอนเงินไม่สำเร็จทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะส่งกลับข้อมูลให้จังหวัด – อำเภอ – อปท. ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งตามลำดับ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จสิ้นในเดือน ต.ค. นี้”

ภารกิจฟื้นฟู .เชียงราย ยังเดินหน้าต่อเนื่อง  

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษก ศปช.ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายภารกิจการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งใน อ.เมืองเชียงรายอ.แม่สาย และ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ขณะนี้การฟื้นฟูในระยะที่1 (Quick Win) คือการกำจัดโคลนจากบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่สาธารณะทั้งหมดได้เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่การเดินหน้าฟื้นฟูจิตใจและส่งมอบความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ยังไม่สิ้นสุด

ล่าสุด นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศปช.ส่วนหน้า จ.เชียงรายลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม หมู่บ้านโป่งนาคำ หมู่ที่ 4 ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พร้อมมอบทุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสมอบเครื่องอุปโภคบริโภค และเยี่ยมเยือนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยถือเป็นการส่งมอบกำลังใจที่สำคัญให้กับผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่

ขณะที่ภาพรวมในพื้นที่ อ.แม่สาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบรุนแรงจากโคลนที่ตกค้าง บางจุดโคลนสูงเป็นเมตร แต่จากความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนขณะนี้ไม่เหลือโคลนที่ต้องใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ในพื้นที่แล้ว เหลือเพียงคราบโคลนที่ติดค้างตามตรอกซอกซอย และถนนสาธารณะบางส่วน

ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศปช.เตือนภาคใต้-เหนือตอนล่างยังมีฝนตกหนักและเฝ้าระวังดินถล่ม