ซีอีโอ สตาร์บัคส์ ยอมรับว่าผลการดำเนินการปัจจุบันน่าผิดหวัง และบริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการลดเวลาในการรอคำสั่งซื้อ แผนปรับเมนูให้เรียบง่ายขึ้น และแผนเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อตอบสนองต่อเสียงสะท้อนจากบาริสต้าที่ต้องการแรงงานเพิ่มเติม
ไบรอัน นิคโคล ซีอีโอ สตาร์บัคส์ ซึ่งมีภารกิจในการกอบกู้ผลการดำเนินการของสตาร์บัคส์ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังเผชิญกับยอดขายลดลงในตลาดสหรัฐฯและจีน ซึ่งเป็นสองตลาดขนาดใหญ่จากความต้องการของเครื่องดื่มราคาแพงถดถอย จนเป็นเหตุให้ราคาหุ้นร่วงลง จนนักลงทุนต่างคาดหวังให้เขานำมาบริษัทกลับมาเติบโต
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่ายมา บริษัทเครื่องดื่มกาแฟยักษ์ใหญ่ของโลกได้ยกเลิกการคาดการณ์ผลการดำเนิการสำหรับปีงบประมาณ 2025
เขาระบุว่า จากผลการดำเนินการมีความน่าผิดหวังมากและมีความชัดเจนว่าสตาร์บัคส์จำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์พื้นฐนเพื่อเอาชนะใจลูกค้าและกลับมาเติบโตอีกครั้ง
จำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์โดยพื้นฐานเพื่อชนะลูกค้ากลับมาและกลับมาเติบโตอีกครั้ง
แผนการปรับปรุงร้านสาขาในสหรัฐฯ
- การเพิ่มที่นั่งที่สะดวกสบายมากขึ้น
- จำหน่ายแก้วเซรามิก
- ปรับเมนูให้เรียบง่ายขึ้น
- เพิ่มจำนวนพนักงานและบาร์สำหรับเครื่องชงกาแฟ เพื่อลดเวลาในการรอของลูกค้าให้ไม่เกิน 4 นาที
- การแยกคำสั่งซื้อสำหรับการนำไปดื่มข้างนอกและนั่งทานในร้าน
- หลังจาก “นิโคล”ม เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคม ราคาหุ้นของสตาร์บัคส์เพิ่มขึ้น 26%
อย่างไรก็ตาม ยอดขายในไตรมาส 4 ลดลง 7% ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนผู้ใช้บริการที่ลดลงในตลาดอเมริกาเหนือ การขับเคลื่อนยอดขายผ่านโปรโมชั่นและการสะสมคะแนนยังไม่ประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มลดการใช้จ่าย
ในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่รองจากสหรัฐฯ ยอดขายลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม โดยลดลง 14% ในไตรมาสล่าสุด และยอดขายต่างประเทศลดลง 9% เกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังเตรียมปรับเมนูโดยถอดเครื่องดื่มที่ผสมน้ำมันมะกอกออกจากรายการ รวมทั้งการประกาศยกเลิกค่าบริการพิเศษสำหรับนมที่ไม่ใช่นมวัว สำหรับตลาดสหัฐและแคนาดา เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน
ตลาดในประเทศไทยยังเติบโตต่อเนื่อง
เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวระหว่างการเปิดตัว “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” แฟลกชิปสโตร์ ล่าสุด ที่วัน แบงค็อก เป็นร้านกาแฟสีเขียว (Greener Store) ที่ใหญ่ที่สุดในไทย และเป็นแฟลกชิปสโตร์ สาขา 4 ของประเทศ มีพื้นที่รวมกว่า 860 ตารางเมตร บนพื้นที่ 2 ชั้น รองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 230 ที่นั่ง
เนตรนภา กล่าวว่า ความท้าทายของเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีการระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายรับทราบกันดี แต่ตลาดกาแฟในไทยก็ยังคงมีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามา ทำให้แข่งขันกันสูงมาก อย่างไรก็ตามตลาดกาแฟปีนี้ยังเติบโตได้ดี และสตาร์บัคส์ในไทยยังมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ล่าสุดมี 517 สาขา และภายในสิ้นปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 5 สาขา รวมเป็น 522 สาขา โดยแต่ละปีตั้งเป้
ส่วนแนวทางในการขยายสาขาของสตาร์บัคส์ จะมีในหลายรูปแบบ สะท้อนความต้องการของแต่ละทำเลที่จะเข้าไป รวมไปถึงการตกแต่งสถานที่จะมีความหลากหลาย เช่น บริเวณใกล้สถานศึกษา รูปแบบของการออกแบบโต๊ะจะรองรับกับการทำรายงาน ทำการบ้าน เป็นต้น
“ตลาดเครื่องดื่มกาแฟในไทยยังเติบโตได้ดี และสตาร์บัคส์ในไทยยังมีการเติบโตที่ยั่งยืนและมีอนาคตที่ดี”
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/corporates/2822645
“สตาร์บัคส์” ไตรมาส 1/67 กำไร-รายได้หด