Star Alliance กำลังเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าและขยายเครือข่ายการบินระดับโลก โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการเดินทางให้สะดวกสบายและราบรื่นตั้งแต่ขั้นตอนการจองไปจนถึงการขึ้นเครื่อง โครงการสำคัญ เช่น การกำหนดที่นั่งล่วงหน้าในสายการบินสมาชิกต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันเดียว ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถจัดการการเดินทางได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ พันธมิตรยังได้ลงทุนอย่างมากในห้องรับรองผู้โดยสารในสนามบินทั่วโลก เพื่อยกระดับความสะดวกสบาย ล่าสุดได้เปิดตัวเลานจ์ใหม่ในเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้จะไม่มีแผนสำหรับการขยายเพิ่มเติมในระยะใกล้ แต่การลงทุนก่อนหน้านี้ เช่น เลานจ์ในปารีสที่ใช้งบประมาณสูงถึง 8 ล้านยูโร แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่ผู้โดยสาร
ธีโอ พานาจิโอทูเลียส ซีอีโอ Star Alliance กล่าวว่า แม้จะต้องสูญเสียสมาชิกบางสายการบิน เช่น SAS และ Asiana Airlines จากการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรม Star Alliance ยังคงเป็นพันธมิตรสายการบินที่ครอบคลุมเครือข่ายมากที่สุดในโลก โดยเชื่อมต่อพื้นที่กว่า 90% ของโลก
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีช่องว่างในบางภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม
ในด้านความยั่งยืน พันธมิตรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ แม้จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในเครือข่ายสมาชิก แต่ยังคงมุ่งมั่นสร้างความภักดีในหมู่ผู้โดยสาร พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ
Star Alliance ยังคงแสดงถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินระดับโลก ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและการลงทุนที่สำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสารและตอบสนองต่อความท้าทายในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยสายการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายนี้ด้วย
https://skift.com/2024/12/13/star-alliance-ceo-improving-customer-experience-growing-network
