ดัชนี SMESI สิงหาคม 2567 ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

ดัชนี SMESI สิงหาคม 2567
ดัชนี SMESI สิงหาคม 2567 ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2


ดัชนี SMESI สิงหาคม 2567 ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากกำลังซื้อชะลอตัว แนวโน้มหนี้สินเพิ่มขึ้น อีกทั้งอุทกภัยในภาคเหนือและภาคอีสาน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SME ในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าแม้มีแนวโน้มลดลง

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (ดัชนี SMESI) ประจำเดือนสิงหาคมอยู่ที่ระดับ 49.4 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.9 และอยู่ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่2 สะท้อนความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อ ส่งผลต่อสภาพคล่องของกิจการ และมีผลให้แนวโน้มหนี้สินเร่งตัวสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์เชิงลบในหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ และภาคใต้ที่เผชิญกับอุทกภัยฉับพลันกระทบกับการดำเนินธุรกิจในพื้นที่ การขาดแคลนวัตถุดิบจากเส้นทางการจัดส่งส่งสินค้าตัดขาด และราคาต้นทุนเร่งตัวสูง

ดัชนีการผลิตเพิ่มเล็กน้อยแต่คำสั่งซื้อและจ้างงานลดลง

เมื่อพิจารณาดัชนีองค์ประกอบ พบว่า องค์ประกอบด้านปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการและด้านการลงทุนโดยรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.1 และ 50.9 จากระดับ 52.0 และ 50.0 ของเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีองค์ประกอบด้านอื่น ๆ ได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ต้นทุนรวม(ต่อหน่วย) กำไร และการจ้างงาน ลดลงอยู่ที่ระดับ 52.5,40.4, 50.9 และ 49.8 จากระดับ 53.6, 41.0, 52.5 และ50.2ตามลำดับ 

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (ดัชนี SMESI) รายสาขาธุรกิจ พบว่า 

ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 52.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.7 เป็นผลจากสาขาการผลิตอาหาร การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก และการผลิตยาง มีการผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ที่เร่งตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์การขาดแคลนสินค้า ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของอุทกภัยในหลายพื้นที่ 

ภาคการค้ายังชะลอตัวลงต่อเนื่องโดยปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 49.1จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.3 และอยู่ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นเป็นเดือนแรก โดยเฉพาะสาขาการขายสินค้าอุปโภคบริโภค และการค้าเกี่ยวกับยานยนต์ ในขณะที่การค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างได้อานิสงส์ในกลุ่มสินค้าป้องกันอุทกภัย เป็นหลัก 

ภาคการบริการ ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 47.5 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.3 ซึ่งปรับตัวลดลงในทุกสาขา โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญการชะลอตัวของกำลังซื้อในหลายพื้นที่ ตัวอย่างเช่น กลุ่มห้องเช่ารายเดือนที่เริ่มมีผู้ย้ายออกก่อนสิ้นสุดสัญญารวมถึงการเลื่อนการชำระค่าเช่า เช่นเดียวกับกลุ่มบริการสปาและนันทนาการที่ชะลอลงตามการระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้บริโภค 

ภาคธุรกิจการเกษตร ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 52.1 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.9 เป็นการชะลอตัวจากผลของความเสียหายที่เกิดจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ รวมถึงอุปสรรคด้านโลจิสติกส์

ความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าแม้มีแนวโน้มลดลง 

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 52.8 ลดลงจากการคาดการณ์ในเดือนก่อนหน้าที่ระดับ54.7 เนื่องจากความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมือง และความไม่ชัดเจนต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลต่อการลดลงของยอดคำสั่งซื้อในอนาคตค่อนข้างมาก

ท่ามกลางสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อระดับความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของ SME ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุดอย่างเร่งด่วน เช่นการเร่งดำเนินการโครงการDigital Wallet หรือมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในรูปแบบอื่น ๆการควบคุมต้นทุนราคาสินค้า/วัตถุดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง และมาตรการผ่อนปรนข้อกำหนดหรือกฎระเบียบในการเข้าถึงสินเชื่อโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เพราะต้องการนำเงินทุนไปใช้ในการฟื้นฟูกิจการ

สสว.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อุทกภัย ดึงดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดลง เร่งรัฐออกมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจ