

สิงคโปร์ เป็นภูมิภาคใหม่แห่งแรก ที่ถูกเพิ่มเข้าในเขต Blue Zone หรือ พื้นที่สีฟ้า ในรอบหลายทศวรรษ มีความโดดเด่นต่างจากเขตบลูโซนอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอายุยืนยาวของประชาชน เกิดจากนโยบายที่ก้าวหน้า มากกว่าประเพณีวัฒนธรรมที่ยึดถือกันมายาวนาน
ไม่เพียงเท่านั้น คุณภาพชีวิตของผู้คนที่นี่ก็ดีเช่นเดียวกันกันกับการมีสุขภาพที่ดี และ มีความสุขมากขึ้น
Blue Zones เป็นแนวคิดที่นำเสนอโดยนักวิจัยชื่อ Dan Buettner ซึ่งนักข่าวของ National Geographic ซึ่งอ้างว่าสามารถระบุภูมิภาคที่ผู้คนมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพดีขึ้นได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม วิถีชีวิต อาหาร และชุมชน
จากการศึกษา เกี่ยวกับภูมิภาคทั่วโลก ที่มีประชากรที่มีอายุยืนที่สุด และ มีสุขภาพดีที่สุด Blue Zones เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่ออธิบายพื้นที่เหล่านี้ ที่ผู้คนมีอัตราการมีอายุเกิน 100 ปี สูงกว่าปกติโดยทั่วไป แล้วคนในพื้นที่ Blue Zones มีชีวิตที่ยืนยาว และ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ปัจจัยที่ทำให้ สิงคโปร์ เข้าไปอยู่ในโซนได้คือ อายุขัยเฉลี่ยยาวนานขึ้น จากในปี พ.ศ. 2503 อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ปี ปัจจุบันเพิ่มขึ้น เป็น 84.9 ปี ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดสูงสุดใ นปีพ.ศ. 2562
จํานวนผู้มีอายุร้อยปีบนเกาะสิงคโปร์เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จาก 700 เป็น 1,500 คน เช่นเดียวกับ จํานวนผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุยืนถึง 80 และ 90 ปี เห็นได้ชัดว่าสิงคโปร์ ได้ทําสิ่งที่ถูกต้องสําหรับประชากรสูงอายุ และ ทําในรูปแบบของตัวเอง
ส่วนตัวชี้วัดด้านสุขภาพ สิงคโปร์มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำที่สุดในโลก และ อยู่ในอันดับหนึ่งในด้านอายุขัยที่มีสุขภาพดี
การเก็บภาษีบุหรี่ และ แอลกอฮอล์อย่างหนักควบคู่ ไปกับการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะที่เข้มงวด ไม่เพียงแต่ทำให้สุขภาพของแต่ละคนดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้พื้นที่สาธารณะดูดีขึ้นอีกด้วย ทำให้น่าอยู่และสะอาดขึ้น ไม่มีควันบุหรี่มือสองอีกต่อไป
ไม่เพียงแต่การดูแลสุขภาพเท่านั้น นโยบายอื่นๆ เช่น ระบบขนส่งสาธารณะที่เข้มแข็งยังสนับสนุนการเดิน และ การออกกำลังกายทุกวัน ในขณะที่การให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาด และ ความสวยงามของประเทศยังทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัยและสงบอีกด้วย
แม้ว่าคุณภาพชีวิตในสิงคโปร์จะสูง แต่ค่าครองชีพที่นี่ก็สูงตามไปด้วย สิงคโปร์ มักถูกจัดให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด โดย Mercer จัดให้เป็นอันดับสอง รองจากฮ่องกง
แม้ว่าประชากร จะมีความหลากหลาย โดยมีผู้คนที่อพยพเข้ามาจากทั่วโลก แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับ ความสามัคคีทางสังคมที่เข้มแข็ง ซึ่งบังคับใช้ผ่านกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย รัฐมีกฎหมายที่เข้มงวด (และมีบทลงโทษ) เกี่ยวกับการทิ้งขยะ การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การใช้ยา และ แม้แต่การข้ามถนนโดยผิดกฎหมาย แต่ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากพบว่ากฎระเบียบเหล่านี้ ช่วยให้ประเทศเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และ สวยงามยิ่งขึ้นสำหรับการอยู่อาศัย
อย่างไรก็ตามแม้ว่า สิงคโปร์ จะมีอายุยืนยาว แต่มีจำนวนมากต้องเผชิญกับโรคเรื้อรังใ นช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากกลยุทธ์ด้านสุขภาพที่เน้นการศึกษาไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเลือกที่ส่งผลดีต่อสุขภาพมากขึ้น
สำหรับพื้นที่ 5 Blue Zones
1. เกาะซาร์ดิเนีย (Sardinia) ประเทศอิตาลี
ชุมชนนี้ มีประชากรชายที่อายุยืนที่สุดในโลก โดยมีวิถีชีวิตที่เป็นธรรมชาติ กินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน และ มีระบบสังคมที่แข็งแกร่ง
2. เกาะโอกินาว่า (Okinawa) ประเทศญี่ปุ่น
ผู้หญิงในโอกินาว่า มีอายุยืนที่สุดในโลก การรับประทานอาหารที่เน้นผัก และวัฒนธรรม “Ikigai” หรือ การมีเป้าหมายในการมีชีวิตเป็นสิ่งที่ส่งเสริมสุขภาพยืนยาว
3. คาบสมุทรนิโคยา (Nicoya Peninsula) ประเทศคอสตาริกา
ชาวนิโคยา มีอาหารที่เรียบง่าย กินพืชผักเป็นหลัก มีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงครอบครัว และ มีการเคลื่อนไหวทางกายเป็นประจำ
4. หมู่เกาะอิคาเรีย (Ikaria) ประเทศกรีซ
ชุมชนนี้มีอัตราการเป็นโรคสมองเสื่อมและโรคหัวใจต่ำ ผู้คนมีวิถีชีวิตช้าลง และมีกิจกรรมทางสังคมที่ช่วยส่งเสริมจิตใจ
5. โลมา ลินดา (Loma Linda) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ชุมชนนี้มีชาวเซเว่นธ์เดย์แอ็ดเวนตีส (Seventh-day Adventists) ที่มีวิถีชีวิตตามหลักศาสนาซึ่งเน้นการกินอาหารที่มาจากพืช และ การพักผ่อนอย่างสมดุล
การศึกษาเกี่ยวกับ Blue Zones ได้เน้นให้เห็นถึงปัจจัยที่ช่วยให้ประชากรในพื้นที่เหล่านี้มีอายุยืนยาว ซึ่งประกอบด้วยการเคลื่อนไหวทางกาย การกินอาหารที่มีประโยชน์ ความเชื่อมโยงกับสังคม และ การมีเป้าหมายในชีวิต
https://www.bluezones.com/2023/10/the-worlds-6th-blue-zones-region/
https://www.bbc.com/travel/article/20241002-singapore-the-worlds-sixth-blue-zone
https://thejournalistclub.com/changi-airport-singapore/