

Seven & I Holdings บริษัทแม่ของร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยในรายงานผลประกอบการ ว่า จะปิด ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำนวน 444 สาขากำลัง โดยสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ชะลอตัว จำนวนลูกค้าที่ลดลง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และ ยอดซื้อบุหรี่ที่ลดลง
ขณะที่ ACT ยักษ์ใหญ่เครือข่ายร้านสะดวกซื้อจากแคนาดา ยื่นข้อเสนอใหม่ซื้อธุรกิจร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น ให้ Seven & I Holdings หลังถูกปฏิเสธดีลยักษ์มูลค่าสูงถึง 38,600 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อร้านค้าที่ถูกกำหนดให้ปิดตัวลงอย่างชัดเจน โดยร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น มีสาขาทั้งหมด 13,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา และ แคนาดา ซึ่งหมายความว่าการปิดตัวลงนี้จะส่งผลกระทบต่อสาขาของบริษัทเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เครือข่ายนี้ยังมีร้านค้ามากกว่า 21,500 แห่งในญี่ปุ่น รวมทั้งเครือข่ายร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ใน 20 ประเทศกว่า 85,800 สาขา มีลูกค้าเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 63.6 ล้านคน เฉพาะประเทศญี่ปุ่นประมาณ 22 ล้านคน
รวมทั้งประเทศไทยที่ ซีพี ออลล์ ได้ซื้อเฟรนไชส์ มาขยายธุรกิจในประเทศไทยและเป็นตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมีสาขามากกว่า ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา จำนวน 14,854 สาขา ซึ่งมีสาขามากที่สุดเป็นลำดับสามรองจากประเทศญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
“เศรษฐกิจอเมริกาเหนือโดยรวมยังคงแข็งแกร่งเนื่องมาจากการบริโภคของผู้มีรายได้สูง แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และสภาพแวดล้อมการจ้างงานก็แย่ลง ในบริบทนี้ การบริโภคจึงมีความรอบคอบมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางและต่ำ” Seven & I กล่าวในการเผยแพร่ผลประกอบการ
เครือร้านสะดวกซื้อยังชี้ให้เห็นด้วยว่ายอดขายบุหรี่ ซึ่งเคยเป็นกลุ่มยอดขายสูงสุดของร้านสะดวกซื้อ ลดลงร้อยละ 26 ตั้งแต่ปี 2019 โดยพวกเขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงยอดขายไปยังผลิตภัณฑ์นิโคตินชนิดอื่นไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทกล่าวว่าจะยังคงลงทุนในธุรกิจอาหารในสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้เป็นหมวดหมู่สินค้าขายดีที่สุดและเป็นที่ดึงดูดลูกค้าสูงสุด
ในเดือนกรกฎาคม เครือร้านสะดวกซื้อประกาศว่าจะขายอาหารนานาชาติยอดนิยมเช่น แซนด์วิชขนมปังนม ไข่ และราเมนมิโซะในสหรัฐอเมริกา ด้วย
ยักษ์ใหญ่แคนาดา ยื่นข้อเสนอใหม่ซื้อ
ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า Seven & I Holdings ได้รับข้อเสนอการซื้อกิจการจาก Alimentation Couche-Tard (ACT) ของแคนาดา เป็นเจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ Couche-Tard, Circle K และ On the Run ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 16,800 สาขาในแคนาดา ไอร์แลนด์ เม็กซิโก รัสเซีย โปแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งหมด 31 ประเทศ
ข่าวดังกล่าว ทำให้หุ้นของ Seven & i พุ่งขึ้น 23% ในกรุงโตเกียว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นในวันเดียวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
บริษัท Seven & i Holdings ของญี่ปุ่น กล่าวว่า มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษซึ่งประกอบด้วยกรรมการภายนอกขึ้นเพื่อทบทวนข้อเสนอนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ
ทั้งนี้ เซเว่น อีเลฟเว่น มีส่วนแบ่งในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีตัวเลขปี 2023 มีส่วนแบ่งตลาด 14.5% ขณะที่ Alimentation Couche-Tard มีส่วนแบ่งตลาด 4.6% หากรวมกันแล้วทำให้บริษัทสามารถคุมตลาดได้ถึงหนึ่งในห้า
อย่างไรก็ตาม ดีลดังกล่าวทาง Seven & I Holdings ได้ปฏิเสธมูลค่าดีล 38,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่ามีการประเมินคุณค่าของธุรกิจร้านสะดวกซื้อต่ำเกินไป แต่ไม่ได้เปิดเผยเงื่อนไขของข้อเสนอของการเจรจาเพิ่มเติม แต่ระบุว่า จะดำเนินการต่อไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นและผู้ถือผลประโยชน์อื่นๆ
ทาง Couche-Tard ได้มีกระแสตอบกลับทันทีว่า “รู้สึกผิดหวัง” แต่บริษัท ยังคงมุ่งเน้นในการบรรลุข้อตกลง และ บริษัทได้โต้แย้งว่าข้อเสนอของตนนำเสนอผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์และทางการเงินที่ชัดเจน และ เชื่อว่าทั้งสองบริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงที่ตกลงร่วมกันได้ พร้อมกับยื่นข้อเสนอใหม่ที่เป็นความลับ
เปิดรายได้ เซเว่น อีเลฟเว่น ปี 66 เกือบ 4 แสนล.เพิ่มขึ้น 4.4 หมื่นล.กำไร 1.12 แสนล.