

“นายกฯเศรษฐา”วอนใช้ภาษาแสดงความเห็นผ่านสื่อเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงสื่อออนไลน์ โดยไม่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกซึ่งกันและกันในสังคม
- เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่จะนำมาซึ่งความแตกแยกในประเทศและสังคมของเรา
- จึงขอให้ทุกคนมาช่วยกันทำสังคมให้ดีขึ้นเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้
วันนี้ (29 ก.ย. 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Next chapter ประเทศไทย” ในงานสัมมนา “ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต” จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้ภาษาในการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงสื่อออนไลน์ในทางสร้างสรรค์โดยไม่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกซึ่งกันและกันในสังคม เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่จะนำมาซึ่งความแตกแยกในประเทศและสังคมของเรา จึงขอให้ทุกคนมาช่วยกันทำสังคมให้ดีขึ้นเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจว่า ขณะนี้เศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) เติบโตกว่าไทยกว่า 10 เท่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากโควิด ซึ่งรัฐบาลนี้ก็พยายามที่จะผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนออกไป เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ค่าแรงขั้นต่ำ การลดค่าไฟฟ้า การพักหนี้ เพื่อดูแลบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

เพราะรัฐบาลนี้มาเพื่อประชาชน อะไรที่ทำได้ก็จะทำก่อน โดยเฉพาะการพักหนี้เกษตรกรที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีขวัญกำลังใจทำงานต่อได้และทำให้นโยบายรัฐบาลนำเข้าไปสู่กระบวนการฟื้นฟูได้ โดยใช้ “การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยการใช้ตลาดนำนั้น รัฐบาลจะไปเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่น แอฟริกา ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อียู ซึ่งจะทำให้มี demand for goods มากขึ้น
อันจะส่งผลให้รายได้ของประชาชนเกษตรกรดีขึ้นตามไปด้วยและเกิดการแก้ปัญหาระยะยาวให้เกษตรกร ทำให้การพักหนี้เกษตรกรน้อยลง พร้อมย้ำถึงการขับเคลื่อน “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความกังวลเรื่องระดับน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ที่น้อยลง โดยได้มอบหมายให้กรมชลประทานไปดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบต้องให้เพียงพอสำหรับประชาชนทั้งการอุปโภคบริโภค ด้านรักษาระบบนิเวศ ด้านการเกษตร และด้านอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำถึงการเตรียมความพร้อมทุกด้านในการรองรับต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น ทั้งโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน (Infrastructure) และการพัฒนาสนามบิน การอำนวยความสะดวก เช่น เรื่องวีซ่า การมีโรงเรียนนานาชาติที่ดี มีโรงพยาบาลที่ดี พร้อมรองรับการเข้ามาอยู่ของชาวต่างชาติ รวมถึงการพัฒนาเมืองรองต่าง ๆ ในภูมิภาคของประเทศไทยเพื่อเป็นการกระจายความเจริญ และจะยกระดับหลาย ๆ เมืองเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นปัจจัยเสริมให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าเข้ามาลงทุนมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุน Tourism Industry ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยู่ในประเทศไทยได้นานขึ้นทำให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่มากขึ้นและเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม นอกจากนี้ยังรวมถึงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอันดามัน ซึ่งให้ใช้ชื่อนี้ เพราะต้องหมายรวมถึงทุกจังหวัดทางภาคใต้ ตลอดจนการพัฒนาสนามบินนานาชาติอื่นๆ ด้วย เพื่อยกระดับ Infrastructure และการบินในประเทศไทยให้เหนือกว่าคู่แข่ง