“นิด้าโพล” เผยประชาชนมองความขัดแย้งทางการเมืองทำเศรษฐกิจแย่

“นิด้าโพล” เผยเกือบ 40% ชี้ความขัดแย้งทางการเมืองทำเศรษฐกิจแย่ เกิดความแตกแยกในสังคม ประชาชนกว่า 44.73% เชื่อต้นตอมาจากนักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง

  • เกิดความแตกแยกในสังคม
  • ประชาชนกว่า 44.73% เชื่อต้นตอมาจากนักการเมือง
  • พรรคการเมือง กลุ่มทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความขัดแย้งทางการเมือง” ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง

เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.93 ระบุว่า เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง รองลงมา ร้อยละ 20.08 ระบุว่า ความแตกแยกในสังคม ร้อยละ 19.39 ระบุว่า ไม่กังวลใด ๆ เลย ร้อยละ 11.75 ระบุว่า การใช้ความรุนแรงในสังคม ร้อยละ 9.54 ระบุว่า ความไม่มีเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองส่วนใหญ่มีนักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.73 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 27.18 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 12.06 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 10.84 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 5.19 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

และเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง รอบใหม่ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 29.85 ระบุว่า ค่อนข้างกังวล รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่กังวลเลย ร้อยละ 22.75 ระบุว่า กังวลมาก ร้อยละ 19.62 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ