“อยากรวย-อยากมี-อยากได้” ต้นเหตุคดีทุจริตเจ้าหน้าที่รัฐ

นิด้าโพล เผยผลสำรวจ “คดีทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ” เหตุคนในสังคมส่วนใหญ่ อยากรวย อยากมี อยากได้

  • นับถือคนรวย คนมีอำนาจ คนมีอิทธิพล
  • ช่องโหว่ของกฎหมาย
  • ค่าครองชีพสูง เงินเดือนน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คดีทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ” ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 4-6 มีนาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ59.39 ระบุว่า คนในสังคมส่วนใหญ่ อยากรวย อยากมี อยากได้ รองลงมา ร้อยละ31.53 ระบุว่า คนในสังคมส่วนใหญ่ นับถือคนรวย คนมีอำนาจ คนมีอิทธิพล ร้อยละ23.05 ระบุว่า ช่องโหว่ของกฎหมาย ร้อยละ20.23 ระบุว่า ค่าครองชีพสูง เงินเดือนน้อย ร้อยละ17.63 ระบุว่า การได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ร้อยละ17.40 ระบุว่า ค่านิยมแบบนิยมพวกพ้องและเครือญาติ ความสัมพันธ์ในเชิงผลประโยชน์ ร้อยละ17.25 ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่จริงจัง ไม่เด็ดขาด และล่าช้า

ร้อยละ16.18 ระบุว่า ระบบอุปถัมภ์หรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้อุปถัมภ์กับลูกน้อง ร้อยละ8.93 ระบุว่า การได้รับผลประโยชน์มีความคุ้มค่ามากกว่าบทลงโทษทางด้านกฎหมาย ร้อยละ7.25 ระบุว่า การแข่งขันทางการเมืองอย่างเข้มข้นเพื่อช่วงชิงตำแหน่งและผลประโยชน์ และกฎหมายเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ7.18 ระบุว่า คดีทุจริตจำนวนมาก สุดท้ายคนผิดก็ลอยนวล ร้อยละ6.95 ระบุว่า วัฒนธรรมความเกรงใจ ร้อยละ6.41 ระบุว่า ระบบการควบคุมและตรวจสอบที่ขาดประสิทธิภาพ ร้อยละ2.06 ระบุว่า ประชาชนเบื่อหน่ายเพิกเฉยต่อการต่อต้านการทุจริต และร้อยละ2.67 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ในหน่วยงานต่าง ๆ พบว่า1.สำนักงานอัยการสูงสุด ตัวอย่าง ร้อยละ33.36 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ28.17 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ16.79 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ14.73 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ร้อยละ5.50 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ1.45 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ 2.กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กระทรวงยุติธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ34.74 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 30.15 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ15.57 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ12.52 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ร้อยละ5.65 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ1.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ

3.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวอย่าง ร้อยละ34.05 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ28.47 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 18.63 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ11.07 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ร้อยละ6.02 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ1.76 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ 4.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ34.50 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ24.43 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ20.69 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ10.00 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ร้อยละ8.47 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ1.91 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ

5.กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวอย่าง ร้อยละ39.08 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ22.14 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ22.06 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 8.78 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ร้อยละ6.49 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ1.45 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ 6.ตำรวจหน่วยอื่น ๆ (ที่ไม่ใช่ บก.ปปป.) ตัวอย่าง ร้อยละ41.98 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ29.77 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ19.54 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 4.05 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ร้อยละ3.13 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ1.53 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ