

“เศรษฐา”ยืนยันรัฐบาลอธิบายได้หมดที่มาของเงินดิจิทัล วอลเล็ต ชี้เศรษฐกิจไทยต้องการการกระตุ้น การแจกเงินมีความหมายหลายอย่าง
- การกำหนดให้ใช้ 10,000บาทให้หมดใน 6 เดือน
- เพื่อเร่งการผลิต เร่งใช้จ่าย เกิดการหมุนเวียนของเงิน
- เงิน 10,000บาท ของ 1 ครอบครัวสามารถเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนอาชีพได้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลงข้อความใน X ระบุว่า บนเวทีปาฐกถาพิเศษในงาน Dinner Talk Thailand’s Future อนาคตประเทศไทย 2024 ของเครือเนชั่น ผมพูดถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ แต่การจะแก้ปัญหานี้ได้ ‘โอกาส’ เป็นสิ่งสำคัญครับ รัฐบาลเราจึงพยายามดำเนินนโยบายที่จะให้คนไทยสามารถเข้าถึงทรัพยากร และแหล่งเงินทุนได้ ผมเดินทางไปประเทศต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนให้แต่ละประเทศเข้ามาลงทุน และมาเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่า ทุกประเทศที่เราเดินทางไปเยือน ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในบ้านเราครับ

นอกจากนี้ ผมอยากให้คนรุ่นใหม่มีกำลังใจ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และเราทุกคนที่ต้องช่วยกันทำให้คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว และมีสิทธิ์เสรีภาพในการเลือก ไม่ว่าจะเลือกประกอบอาชีพ หรือเลือกมีชีวิตคู่โดยไม่มีอุปสรรคทางกฎหมาย รัฐบาลไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เราโฟกัสที่จิตใจของทุก ๆ คนด้วยครับ
เราอยู่ด้วยกันหลากหลายความคิด เพราะเราแต่ละคนมาจากหลาย ๆ ที่ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่เราต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ ดังนั้นนโนบายของรัฐบาลจึงมีทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่ยังมีความสงสัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพยายามชี้แจงและอธิบายทุก ๆ นโยบายของเราให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ครับ รัฐบาลนี้เราจะไม่เหน็ดเหนื่อยกับการที่จะต้องอธิบายให้ทุกคนฟัง ว่าทำไมเราจึงต้องทำนโยบายนั้น ๆ ออกมา และผมยืนยันครับว่า เรามาอยู่ตรงนี้เรามาเพื่อที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนในทุก ๆ มิติครับ

วานนี้ (24 ตุลาคม 2566) เวลา 19.00 น. ณ ห้องคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Dinner Talk Thailand’s Future อนาคตประเทศไทย 2024 โดยมีผู้บริหารเครือเนชัน นักธุรกิจ และผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟัง
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า รู้สึกสะเทือนใจเรื่องสงครามอิสราเอล-ฮามาส เป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นที่มาว่าทำไมรัฐบาลต้องทำงานหนัก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องอย่างเหมาะสม และรวดเร็ว ให้กับคนที่มีความลำบากมาตลอด ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย พร้อมกับขอร้องให้คนไทยในอิสราเอลรีบกลับมา ส่วนคนที่เปลี่ยนใจไม่กลับ เพราะนายจ้างเลื่อนจ่ายเงินไป 10 พ.ย.นี้ และจะให้เงินมากขึ้น ขอให้คิดดูว่าคุ้มหรือไม่ เข้าใจคนอยู่ในที่เสี่ยงเพื่อหาเงินเพราะไม่มีทางเลือก เพราะลำบาก จึงต้องเสี่ยงชีวิต

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดประเทศหนึ่ง ปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ต้องการการแก้ไข เงิน 10,000บาท ของ 1 ครอบครัวสามารถเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนอาชีพได้ หากฟังอย่างมีเหตุมีผล ระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลต้องการกระตุ้นทั้งระยะกลาง และระยะยาว ในส่วนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต อาจมีคนไม่เห็นด้วย หรือเห็นด้วยแต่ต้องการให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือเห็นด้วยอย่างมีข้อเสนอแนะ ยืนยันเศรษฐกิจไทยต้องการการกระตุ้น การแจกเงินมีความหมายหลายอย่าง การกำหนดให้ใช้หมื่นบาทให้หมดใน 6 เดือน เพื่อเร่งการผลิต เร่งใช้จ่าย เกิดการหมุนเวียนของเงิน ส่วนการกำหนดไม่เกิน 4 กิโลเมตรหรือทั้งอำเภอ เพราะไม่อยากให้คนเอาเงินไปใช้ในเมืองใหญ่ อยากให้ร้านค้าในจังหวัดเล็ก ๆ ได้ด้วย ซึ่งรัฐบาลอธิบายได้หมดที่มาของเงิน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศว่า ทุกภาคธุรกิจในหลายประเทศที่ตนเองได้ไปประชุมหารือด้วย ทุกคนยังมองเห็นโอกาสในประเทศไทยอีกมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะนำจุดเด่นของประเทศไทยไปขาย ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นที่กำลังทำอยู่ในวันนี้ คือ เรื่องของอุตสาหกรรมเดิมที่มีความแข็งแกร่ง หรือจะเป็นความพร้อมของอุตสาหกรรมใหม่ เป็น X Factor ซึ่งที่ผ่านมาได้พาเอกชนร่วมเดินทาง ได้ผลงานที่เป็นรูปธรรม หารือร่วมกับ Microsoft Google Tesla ซึ่งหลายรายสนใจที่จะลงทุนในไทย เดือนหน้าจะไปเอเปค เชื่อว่าจะมีข่าวดีของ Microsoft Google และรายอื่น ๆ ตามมา เป็นฐานการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางและยาว รัฐบาลพร้อมเดินไปข้างหน้า ค้าขายในทุกมิติ ทั้งผลิตภัณฑ์การเกษตร ลงทุน ชายแดน การท่องเที่ยว การยกเว้นวีซ่า การขยายระยะเวลาการประกอบกิจกรรมสถานบริการ

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลนี้จะลงมือโครงการ Landbridge เพื่อยกระดับ Logistics ให้ไทยเป็น Logistics Hub ระดับโลก เชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาส เชื่อว่าการลงทุนนี้จะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันให้คนไทย ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่ประชานิยมอย่างเดียว แต่ต้องการถ่าง K Shape ระหว่างคนมีและคนไม่มี (Those who have and those who doesn’t have) เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันสนับสนุน นโยบายการเงินการคลังไม่ใช่ระวังวินัย แต่ต้องตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ยกระดับชีวิตประชาชนโดยคำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลัง รัฐบาลรับฟังตระหนักถึงสถานภาพอย่างดี อยากให้เดินไปข้างหน้าด้วยเสถียรภาพ และต้องยกระดับประชาชนให้ได้เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจ ปัญหาหลายอย่างเกิดจากความเหลื่อมล้ำ ซึ่งรัฐบาลต้องกระตุ้นให้ตรงจุด มีแนวทางชัดเจน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า หลาย ๆ เรื่องที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ การที่เราจะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่หมกมุ่นในเรื่องที่ไม่ควรหมกมุ่น ให้เขามีขวัญกำลังใจ ตนเองเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของเอกชน เป็นหน้าที่ของทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี้ ขอให้ช่วยกันทำ ซึ่งในหลาย ๆ เรื่อง รัฐบาลทำอยู่แล้ว ต้องช่วยกันทำต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสมรสเท่าเทียม การสมัครใจเกณฑ์ทหาร ทำให้เขามีสิทธิเสรีภาพในการเลือก

รัฐบาลไม่ได้โฟกัสเรื่องของเศรษฐกิจอย่างเดียว รัฐบาลโฟกัสที่จิตใจของทุก ๆ คน รัฐบาลยืนยันว่าจะพยายามทำอย่างเต็มที่ จะพยายามไม่อยู่บนความขัดแย้ง และเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านเป็นกำลังใจให้รัฐบาล หลาย ๆ ท่าน มีข้อสงสัยและก็ไม่มั่นใจในทิศทางที่รัฐบาลจะไป รัฐบาลอยู่หลากหลายความคิด มาจากหลายฝ่าย มาจากหลายความคิด ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องชี้แจงและอธิบายให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ รัฐบาลจะไม่เหน็ดเหนื่อยกับการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า ทำไมเราต้องทำ
นายกรัฐมนตรีย้ำว่าที่รัฐบาลมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อต้องการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้นในทุก ๆ มิติ รัฐบาลตั้งใจที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยทั้ง K ด้านบน และ K ด้านล่าง ซึ่งด้านล่างชีวิตจะต้องดีขึ้น รายได้ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง และมีโอกาสในการใช้ชีวิต ส่วนด้านบนจะต้องได้รับการส่งเสริมให้เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้ประเทศเจริญเติบโตต่อไปได้