จับตา“เศรษฐา”ปรับครม.เร่งดันผลงานรัฐบาล ดึง “ปานปรีย์”นั่งรมว.คลัง



จับตา“เศรษฐา”ปรับครม.เร่งดันผลงานรัฐบาล ดึง “ปานปรีย์”นั่งรมว.คลัง เด้ง“บิ๊กทิน” ขอควบรมว.กลาโหมเอง เหตุไม่มีเวลาดูงานกระทรวงการคลังเต็มที่

  • ที่ผ่านมาเข้ากระทรวงการคลังอย่างเป็นทางการแค่ 3ครั้ง
  • รัฐมนตรีคนไหนถูกขึ้นประกาศหาคนหายเตรียมตัวตบยุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเร็วๆนี้ รัฐบาลเศรษฐา1 ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะปรับตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ โดยจะให้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ มาดำรงตำแหน่งรมว.คลัง แทนนายเศรษฐา เนื่องจากนายเศรษฐามีภาระกิจ และการเดินทางทั้งในและต่างประเทศบ่อยครั้ง ทำให้บริหารงานของกระทรวงการคลังได้ไม่เต็มที่ และที่เลือกนายปานปรีย์ มาเป็นรมว.คลังแทนนั้น เนื่องจากเป็นคนที่มีความสามารถเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจและเป็นที่ไว้วางใจของทุกฝ่าย

นอกจากนี้นายปานปรีย์ยังมีผลงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่เป็นตัวประกันกลับบ้านได้จำนวนมาก ร่วมกับหลายฝ่าย จนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ เป็นผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำงานได้ ทำงานเป็น และไม่หิวแสง แย่งซีน แต่สามารถทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เป็นงานที่ยากลำบาก

ขณะที่นายเศรษฐาเอง จะควบรมว.กลาโหม เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำกองทัพ และพูดคุยกันเข้าใจรู้เรื่อง ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมคนปัจจุบัน ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานของกองทัพได้ และไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร นายเศรษฐาจึงต้องการเข้าไปดูแลเอง  นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีบางคนที่ยังไม่สามารถเดินหน้านโยบายของรัฐบาลได้และไม่มีผลงาน ไม่เป็นที่รู้จัก จึงจะถูกพิจารณาปรับเปลี่ยนคนมาทำงานใหม่เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายเศรษฐา  ในฐานะรมว.คลัง เข้ากระทรวงการคลัง 3 ครั้งอย่างเป็นทางการ  โดยครั้งแรกมาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง และเปิดให้ข้าราชการกระทรวงการคลังเข้าพบ ครั้งที่ 2-3 ประชุมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง พร้อมแบ่งงาน  ส่วนครั้งที่ 4 มาก่อนช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่2567 เพื่อมาร่วมรับประทานอาหารกับทีมงาน และข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขานุการรมว.คลังเท่านั้น 

สำหรับการแบ่งภาระหน้าที่ในการกำกับดูแลงานกระทรวงการคลัง ที่มี 1 รมว.คลัง และ 2 รมช. นั้น นายเศรษฐา ขอกำกับดูแลกรมศุลกากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ด้วยตัวเอง

ขณะที่นายนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง  รับผิดชอบกำกับดูแลกรมบัญชีกลาง กรมสรรพสามิต สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง รวมถึงกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในสังกัด ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) องค์การสุรา การยาสูบแห่งประเทศไทย และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังรับผิดชอบกำกับดูแลกรมสรรพากร กรมธนารักษ์ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รวมถึงกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในสังกัด ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบริษัท บริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด