“เศรษฐา”เอาแน่! แก้กฎหมายให้ปลูกถั่วเหลืองจีเอ็มโอในไทยได้ เตรียมแถลงข่าวใหญ่บริหารจัดการน้ำไม่ท่วมไม่แล้ง ก.พ.ปีหน้า
- 28 พ.ย.66 แถลงข่าวใหญ่การแก้หนี้นอกระบบ
- 12 ธ.ค.66 แถลงวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ในหัวข้อ “FUTURE READY THAILAND เศรษฐกิจไทยในอนาคตแห่งความเปลี่ยนแปลง” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า รัฐบาลนี้มีความตั้งใจว่าจะนำคืนศักดิ์ศรีของคนไทยในเวทีโลกอีกครั้งหนึ่ง ทำให้คนไทยหัวใจฟู มีความภาคภูมิใจ ในการที่ประเทศไทยสามารถยืนหยัดในเวทีโลก และสามารถต่อสู้กับประเทศคู่แข่งได้ในแง่ของการดึงนักลงทุนมา และการทูตเชิงรุก
“ที่ผ่านมาผมเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง ถือได้ว่าเป็นภาระกิจประจำของผู้นำประเทศ และพยายามเชิญนักธุรกิจในประเทศเดินทางไปพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจต่างประเทศด้วยกัน ไปหาโอกาสในการทำธุรกิจตั้งแต่UNGA มาถึง APEC สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ซานฟรานซิสโก เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่า ไปพูดคุยกับบริษัทใหญ่ๆมาแล้ว ทั้งกูเกิ้ล ไมโครซอฟท์ อะเมซอน แอปเปิ้ล ออกไปอธิบายว่าประเทศไทยมีอะไรดีบ้าง มาตรการสนับสนุนการลงทุนของไทยไม่ด้อยกว่าประเทศอื่น เช่น มาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุน และเรื่องพลังงานสะอาด พร้อมให้มาตั้งโรงงาน” นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้าประเทศไทย ไม่มีการลงทุนเข้ามาก็จะติดอยู่กับภาคอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่ำอย่างเดียว ไม่สามารถยกระดับรายได้ของประชาชนได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน ซึ่งรัฐบาลมองว่าขณะนี้เศรษฐกิจไม่ดี แต่จะวิกฤตหรือไม่วิกฤตเป็นข้อถกเถียงระหว่างตนเองกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติอยู่ แต่แน่นอนว่าเศรษฐกิจไม่ดี เราเป็นสังคมที่เห็นต่างได้แต่พูดคุยกันได้
“ผมมั่นใจว่าทุกคนเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลเข้ามา ก็ดำเนินการ ลดค่าน้ำมัน ลดค่าไฟ พักหนี้เกษตรกร เป็นมาตรการเร่งด่วน ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาจากต่างประเทศ วีซ่าฟรี จีน อินเดีย คาซัคสถาน ไต้หวัน ถามว่าเป็นที่พอใจหรือยัง ก็ขอตอบว่า ยังครับ ตัวเลขออกมายังไม่ดี จะด้วยเหตุผลเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พารากอน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว
อีกอย่างที่ขอฝากไว้คือ เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี เวลานักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาก็ต้องคิด ช่วงโควิดลดพนักงานลงไป ทำให้ช่วงกลับมาใหม่เครื่องบินไม่พอ ดีมานด์เยอะ ซัพพลายน้อย ราคาก็ขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวน้อยลง การใช้จ่ายต่อหัว และระยะเวลาที่จะอยู่ก็น้อยลงไป จะต้องโฆษณาทำให้เห็นว่าประเทศไทยคุ้มที่สุดที่จะมาท่องเที่ยว”
สำหรับปัญหาใหญ่ของประเทศคือ ปัญหาของหนี้สิน ได้คุยปัญหานี้กับผู้ว่าแบงก์ชาติไปแล้วบ้าง ซึ่งแบ่ง เป็น 2 ส่วน หนี้ในระบบ และหนี้นอกระบบ หนี้นอกระบบกัดกร่อนสังคมไทยเป็นเวลานานมาก น่าสงสารประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัด ถูกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ10 ต่อเดือน ต่อสัปดาห์ สูงกว่าที่กฎหมายระบุไว้หลายเท่าตัว ต้องมาคิดว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจวิกฤต เรื่องหนี้สิน
คนหาเช้ากินค่ำ ทำงานมาก็ต้องไปจ่ายหนี้ที่ไม่เป็นธรรม กำลังใจในการทำงานก็ลดน้อยลงไป ทำงานเท่าไหร่ก็ใช้หนี้ไม่หมด เกิดความไม่สบายใจขึ้น หันไปพึ่งยาเสพติด และก่ออาชญากรรม เป็นปัญหาเบื้องต้นที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมหลายด้าน การแก้หนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลนี้ วันที่ 28 พ.ย.นี้ จะแถลงข่าวใหญ่ ระหว่างฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงการคลัง จะร่วมพูดคุยและจัดการปัญหาหนี้นอกระบบให้ได้
ส่วนหนี้ในระบบ เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน วันที่ 12 ธ.ค.นี้รัฐบาลจะแถลงการวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบให้ดีขึ้น และครอบคลุมทุกภาคส่วน จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น
ภาคเกษตร มีทั้งปัญหาหมูเถื่อน เนื้อเถื่อน และยังมียางเถื่อนอีก ที่จะพูดถึงคือ การทำให้รายได้ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ไม่อยากให้เป็นแค่วาทกรรม แต่อยากมีขั้นตอนในหลายภาคส่วนและหลายพืชผลที่รัฐบาลนี้ทำได้จริงภายในวาระของรัฐบาลนี้จบลง เริ่มจากต้นน้ำ ไม่เกิดภัยแล้งน้ำท่วม มีตลาดค้าขายได้ กลางเดือนก.พ.ปีหน้าจะแถลงใหญ่เรื่องการบริหารจัดการน้ำไม่ท่วมไม่แล้ง มีขั้นตอนที่ชัดเจน และทำอย่างไรจะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เรื่องการทำผิดกฎหมายต้องหมดไปหมูเถื่อน เนื้อเถื่อน ยางเถื่อนต้องหมดไป การบริหารจัดการน้ำพูดกันมาเป็น 10 ปี ฝนตก 3 ส่วน หายไป 2 ส่วน 1 ส่วนใช้อุปโภคบริโภค ภาคเกษตร ระบบนิเวศ และภาคอุตสาหกรรม การผลิตไมโครชิพมีความต้องการน้ำมโหฬาร ต้องบริหารจัดการน้ำไม่ท่วมไม่แล้งให้ได้
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ในเรื่องผลผลิตถั่วเหลืองของไทย ที่ไม่ได้เป็นจีเอ็มโอ ผลผลิตจะต่ำ การต่อสู้กับวัชพืชและแมลงไม่ดี เกษตรกรไทยก็ไม่อยากปลูกถั่วเหลือง ตรงนี้ต้องให้ความสำคัญและต้องยกเลิกกฎหมายว่าให้เราปลูกถั่วเหลืองจีเอ็มโอให้ได้ เพื่อเพิ่มผลผลิต
นายกรัฐมนตรีกล่าว ว่า มีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ด้วย Digital Wallet 10,000 บาท และการออก พรบ.เงินกู้ ซึ่งสำหรับแหล่งเงินของ Digital Wallet นั้น ได้รับฟังคำแนะนำและความคิดเห็นจากหลายฝ่ายว่า Digital Wallet จะทำอย่างไรให้มีความโปร่งใส มีความชอบธรรม ถูกหลักนิติรัฐ จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลนี้ตัดสินใจที่จะออก พรบ. เงินกู้ ถ้าผู้แทนประชาชนที่อยู่ใน ครม. เห็นด้วย รวมทั้งกฤษฎีกา เห็นชอบก็ถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย และสุดท้าย พรบ. ต้องผ่านสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ของสภา ที่ต้องลงรายละเอียดเพื่อให้รัฐบาลตอบในรายละเอียดทุกข้อให้ได้ และถ้ารัฐสภาฯ ผ่านเห็นชอบก็ถือว่าเป็นนโยบายที่มีความชอบธรรม ซึ่งผ่านการตรวจสอบของทุกภาคส่วน
