

นายก ฯ “แพทองธาร” ลงพื้นที่อีสาน ขีดเส้นตั้งเป้า10 จังหวัดนำร่อง ต้องปลอดยาเสพติดให้ได้ถึง 90% ก่อนเทศกาลสงกรานต์ แนะตรวจสารเสพติดเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างความมั่นใจและเป็นต้นแบบให้ประชาชน
วันนี้ (1 พฤศจิกายน 2567) เวลา 11.40 น. ณ วัดบ้านเขวาทุ่งตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 1 ใน 25 จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องจังหวัดสีขาวทั่วประเทศ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดำเนินงานภายใต้โครงการธวัชบุรีโมเดล จังหวัดร้อยเอ็ดและท่าวังผาโมเดล จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี
ขยายโครงการ จังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติและเป็นนโยบายสำคัญที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ทำให้สามารถจับกุมกวาดล้างยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก จากรายงานถือเป็นผลงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ที่มีสถิติที่เพิ่มขึ้น ทั้งการจับกุมกวาดล้าง ผู้ค้ารายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย จึงขอให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป พร้อมยกระดับให้เข้มข้นขึ้น โดยให้ขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามภูมิภาค โดยมีจังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ : เชียงใหม่ ภาคกลาง : อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : สกลนคร นครพนม ภาคตะวันออก : ระยองภาคใต้ : นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส
นายกรัฐมนตรียังมอบนโยบายให้ ปปส. อัพเดตข้อมูลเพื่อให้เป็นฐานข้อมูลกลางเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้รับทราบข้อมูลร่วมกันทั้งสถานการณ์ยาเสพติด แผนปฏิบัติการจังหวัด รายงานผลการดำเนินงาน และการประเมินผล และให้มีการพัฒนาเชื่อมระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ “ยาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุกๆ คนที่จะต้องร่วมกันช่วยกันในการทำให้ทุกคนปลอดจากยาเสพติดโดยการป้องกัน ปราบปรามและฟื้นฟูเพื่อให้พวกเราทุกคนห่างจากยาเสพติดที่เป็นพิษร้ายบ่อนทำลายชาติ ถ้าสังคมปลอดยาเสพติดจะทำให้ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาลักขโมยปัญหาสังคมและอื่นๆ จะน้อยลง หรือไม่มีเลย” นายกรัฐมนตรีระบุ
นายกฯย้ำต้องตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ
ในส่วนของการปราบปราม นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต้องตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ กวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด เพิ่มประสิทธิภาพมาตรการยึด อายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นอย่างจริงจังและเด็ดขาด และให้ความสำคัญกับการดำเนินการต่อข้อร้องเรียนของประชาชนโดยเร่งด่วน ส่วนการบำบัดรักษา มอบหมายให้ ปปส. อปท. มหาดไทย สาธารณสุข ตำรวจ ทหาร ทำงานอย่างบูรณาการ พิจารณาแนวทางการเพิ่มสถานพยาบาลในการรองรับการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดให้เพียงพอ เช่น การเปิดศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติด ในพื้นที่ของส่วนราชการที่ควบคุมได้โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ามาจัดการเรื่องการบำบัดดูแล ทั้งนี้ให้พิจารณาแผนการดำเนินงานให้มีความเหมาะสมต่อไป
“หนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยตัดวงจรยาเสพติดได้อย่างยั่งยืนคือกระบวนการบำบัดรักษาไม่ให้กลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ ผ่านการฝึกอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการบำบัด ขอให้ทุกภาคส่วนขยายผลการดำเนินงานในเรื่องศูนย์ฝึกอาชีพให้เพียงพอขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้ ปัญหายาเสพติดต้องหมดไป ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เชื่อว่าจะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดนำร่อง 10 จังหวัดเหล่านี้ จะต้องประกาศได้ว่าเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติด หรือปัญหายาเสพติดลดลงให้ได้มากถึง90 % โดยมีห้วงเวลาเป้าหมาย ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสร้างสังคม ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัดสีขาว เพื่อประเทศไทยสีขาว ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป“นายกรัฐมนตรีย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ แพทองธาร หารือ นายกฯ กัมพูชา เร่งแก้ปัญหาข้ามแดน – แกงค์คอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์-ยาเสพติด