“พิชัย” ชี้ กนง.ลดดอกเบี้ย ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจลดภาระทั้งประชาชนที่กู้เงิน ลดต้นทุนบอนด์ยีลด์ของหุ้นกู้ หวังธนาคารพาณิชย์ช่วยอัดสภาพคล่องในระบบช่วยเอสเอ็มอีเพิ่มส่วนการลดดอกเบี้ยครั้งหน้า ชี้ กนง.ต้องดูแนวโน้มประเทศอื่นๆ ชี้กรอบเงินเฟ้อปี 68 ควรเพิ่มจากปีนี้ที่อยู่ที่ 1-3 หวังกระตุ้นภาคการผลิตมากขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ว่าเรื่องนี้ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจเพราะทำให้ภาระของคนที่มีภาระเงินกู้ลดลง ซึ่งการลดลงของอัตราดอกเบี้ย 0.25% นั้นคงไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้มีการกู้ยืมเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันการลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 0.25% ก็ส่งผลดีและช่วยความเชื่อมั่นในการลงทุนเพราะทำให้เอกชนที่มีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ (บอนด์ยีลด์) ลดลง ก็ทำให้มีผลในทางบวกกับเศรษฐกิจ
ภาครัฐก็กังวลเรื่องหนี้ส่วนบุคคล หนี้ของเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ กนง.ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องของหนี้ส่วนบุคคล และหนี้ของเอสเอ็มอีที่ยังมีสูงอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกับที่ภาครัฐนั้นมีการชี้ให้เห็นปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องดอกเบี้ยที่ลดลงนั้นก็ถือว่าจะทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งก็จะทำให้สามารถหาทางเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น โดยที่ผ่านมาภาครัฐได้มีการใช้มาตรการต่างๆผ่านสถาบันการเงินของรัฐไปมากแล้ว
สถาบันการเงินพาณิชย์สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่อง
ขณะนี้สถาบันการเงินทั้งภาครัฐและพาณิชย์นั้นมีความแข็งแรงก็น่าจะสามารถช่วยกันในการเพิ่มสภาพคล่องเพื่อให้มีการดูแลเศรษฐกิจได้มากขึ้น นายพิชัยกล่าวว่าหลังจากมีการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้แล้วก็ต้องมีการดูข้อมูลต่อไปอย่างต่อเนื่องเพราะในขณะนี้เวลาเราดูเรื่องของตัวเลขต่างๆ เราดูทั้งภูมิภาค รวมทั้งดูด้วยว่าในที่อื่นๆที่เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และยุโรป นั้นทิศทางเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าคาดหวังหรือไม่ว่าการประชุม กนง.ครั้งหน้าจะมีการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.25% นายพิชัยกล่าวย้ำว่าเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนที่ตนเองบอกว่าการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้เกิดผลดีกับเศรษฐกิจ ก็หวังว่าจะมีการดูข้อมูลต่อเนื่องว่าประเทศเศรษฐกิจอื่นๆมีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร เพราะเศรษฐกิจเราผูกกับเศรษฐกิจโลกมากเราต้องติดตามว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร กนง.ต้องติดตามเรื่องนี้ด้วย “การที่เราทำหรือไม่ทำอะไรในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนคนสามารถที่จะจับทิศทางได้ คาดเดาทิศทางได้ ก็อาจทำให้ตลาดคาดเดาทิศทางได้ถูก หรือคนที่ฉลาดกว่าสามารถหาประโยชน์จากเราได้เหมือนกัน”
คลังหวังน่าจะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นภาคการผลิต
นายพิชัย กล่าว รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังกล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อว่าในปีนี้ตัวเลขเงินเฟ้อแน่นอนว่าจะต่ำกว่า 1% ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำระดับนี้เราอาจพลาดโอกาสที่จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นอีกสักหน่อยหนึ่งเพื่อกระตุ้นภาคการผลิตของเราก็ได้ ซึ่งแม้ว่ามองไปในปีหน้า กนง.จะบอกว่าเงินเฟ้อจะขยับขึ้นไปที่ 1%กว่าแต่ก็ต้องจับตาดูเพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นและมาอยู่ในกรอบ 1-3% ได้แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีการปรับขึ้นมาได้ตามที่บอกไว้
เมื่อถามว่ากรอบเงินเฟ้อควรอยู่ที่ 2-3% หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่าเราคาดหวังตัวเลขระดับนี้ เพราะการที่ตั้งกรอบเงินเฟ้อให้สูงขึ้นก็ทำให้มีโอกาสที่สภาพคล่องเข้ามาเพิ่ม และเงินเฟ้อจะขยับเข้ามาสู่กรอบมากขึ้น ไม่ใช่ต่ำกว่ากรอบล่างของเงินเฟ้อที่กำหนดไว้ที่1% แบบที่ผ่านมา เราคงยอมให้เงินเฟ้อต่ำในระดับนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ในช่วงเวลาปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่ต้องมีการกำหนดกรอบเงินเฟ้อสำหรับปี 2568 ซึ่งขณะนี้ทั้งกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีการเตรียมข้อมูลไว้แล้วก็รอเวลาที่จะมาหารือกันเพื่อกำหนดกรอบเงินเฟ้อที่เหมาะสมต่อไป
เมื่อถามว่า กนง.ลดดอกเบี้ยครั้งนี้เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายพิชัยตอบว่าเรื่องนี้ต้องไปสอบถามจากคณะกรรมการกนง.เอง ส่วนเมื่อถามว่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีมาเป็นคุณแพทองธารหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่าทุกอย่างทิศทางกำลังดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘พิชัย’ หวังเห็น กนง. หั่นดอกเบี้ยปีนี้ 0.5%